หญิงโพสต์ป่วนห้าง อ้างเครียดตกงาน มีปัญหาในครอบครัว
วันที่ 14 ต.ค. 2567 เวลา 11:56 น.
หญิงโพสต์ขู่กราดยิง 3 ห้าง ในจังหวัดนครราชสีมา อ้างทำไปเพราะระบายอารมณ์ เนื่องจากเครียด ตกงาน มีปัญหาในครอบครัว จากกรณีมีผู้ไม่หวังดีโพสต์ภาพอาวุธปืนและข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก “กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ๋ง” โดยข่มขู่ว่าจะก่อเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้า 3 แห่ง ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวและแตกตื่นต่อประชาชน หลังจากข้อความทั้งหมดถูกโพสต์ออกไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ก็ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปรักษาความปลอดภัยตามห้างที่ทางผู้โพสต์ระบุ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในพื้นที่อำเภอปังธงชัย ทราบชื่อ น.ส.บังอร อายุ 31 ปี พบเคยมีประวัติถูกจับคดีลักทรัพย์และคดีพกพาอาวุธปืนฯ รวม 4 คดี และจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ น.ส.บังอร พบมีหลักฐานการโพสต์เฟสบุ๊กจริงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว น.ส.บังอรฯมาสอบสวนที่ สภ.เมืองนครราชสีมา น.ส.บังอร ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความทั้งหมดจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการดำเนินคดีกับ น.ส.บังอร ในความผิดฐาน “นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันน่าจะเสียหายต่อความมั่นคง ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณประโยชน์ หรือทำให้ประชาชนตื่นตระหนก” และหากการสืบสวนขยายผลพบว่ามีการกระทำความผิดฐานอื่น หรือมีผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นอีกจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ ผู้บังการตำรวจภูธรนครราชสีมากล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีบัญชีในเฟซบุ๊กถึง 4 บัญชี ซึ่งกำลังตรวจสอบเชิงลึกลงไปอีกว่า เขาเกี่ยวข้องกับกับการโพสต์อะไรที่ผิดกฏหมายบ้าง ส่วนประวัติการก่อคดีพบ 4 คดี คือ ลักทรัพย์ 1 คดี และอาวุธปืน อีก 3 คดี ก่อนออกมาจากเรือนจำ และผู้ต้องหาไม่เคยมีประวัติการรักษาทางจิตแต่อย่างใด ส่วนแรงจูงใจในการกระทำผู้ต้องหาอ้างว่า ทำไปเพราะระบายอารมณ์ เนื่องจากมีความเครียด มีปัญหาในครอบครัวกับสามี และครอบครัวไม่ยอมรับ ไม่มีงานทำด้วย สำหรับมาตรการต่อไปตำรวจภูธรนครราชสีมาจะต้องแจ้งเตือนตรวจสอบให้รวดเร็ว โดยใช้เครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย ฝากถึงประชาชนว่าขณะทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหลายสื่อและเพจต่างๆ ก็ได้ช่วยกันสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบแล้วและในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.67) ตำรวจจะนำสำนวนพร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งต่ออัยการเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป