เหยื่อผุดเป็นดอกเห็ด 4 วันทะลุ 740 ราย แจ้งความ บอสพอล ก๊วนดารา 6 รายตกเป็นผู้ต้องหา

วันที่ 13 ต.ค. 2567 เวลา 17:02 น.

รอง ผบช.ก. ยืนยัน บอสพอล ก๊วนดารา 6 รายตกเป็นผู้ต้องหา ถูกแจ้งความ ขณะที่ยอดผู้เสียหาย 4 วันพุ่ง 740 ราย วันนี้ (13 ต.ค.67) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีบริษัทธุรกิจเครือข่ายขายสินค้าออนไลน์ ว่า วันนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ปคบ. 240 ราย รวมตลอดทั้ง 4 วันมีผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว 740 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 266 ล้านบาท เชื่อว่าภายในวันนี้จำนวนผู้เสียหายน่าจะทะลุถึง 800 ราย โดยศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม ได้จัดพนักงานสอบสวนอำนวยความสะดวกไว้ 70 รายต่อวัน แต่ขอประชาสัมพันธ์แจ้งว่า ผู้เสียหายไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีวิทยุคำสั่งให้สถานีตำรวจทั่วราชอาณาจักรรับแจ้งความร้องทุกข์บริษัทดังกล่าว ดังนั้น ผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้ที่ตามสถานีตำรวจท้องที่ หากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจใดไม่รับแจ้งความ จะมีความผิดทางวินัยฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหารวม 6 คน ได้แก่ บอสพอล ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท, บอสกันต์ กันตถาวร, บอสแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี, บอสมิน พีชญา วัฒนามนตรี, บอสปีเตอร์ และบอสหมอเอก เนื่องจากผู้เสียหายได้แจ้งความเอาผิด พร้อมระบุชื่อของทั้ง 6 ราย จึงถือว่าเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง 2 คำ ส่วนแม่ข่ายอีก 8 คน ได้แก่ ปัน, สวย, จอย, โซดา, โอม, วิน, หญิง, ป๊อบ และภรรยาของกันต์ กันตถาวร ยังไม่มีผู้เสียหายรายใดแจ้งความเอาผิด จึงยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา แต่หากมีพยานหลักฐานไปถึง ก็อาจถูกพิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับได้ ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ต้องหามาแสดงตัวต่อตำรวจ ไม่ได้หมายความว่า ผู้ต้องหาจะไม่ถูกออกหมายจับในภายหลัง หากมีพยานหลักฐานที่ตำรวจสืบสวนได้เอง ก็สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาบอสทั้ง 6 ราย เนื่องจากอยู่ในระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานในด้านอื่น ๆ เช่น พยานวัตถุ พยานเอกสาร และพยานบุคคลให้ครบถ้วนรอบด้าน ถึงจะพิจารณาในการแจ้งข้อกล่าวหา หรือออกหมายจับบอสทั้ง 6 รายได้ สำหรับคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 6 รายจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครให้การรับสารภาพ และระบุว่าจะเข้ามาชี้แจงในภายหลัง พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนพรีเซ็นเตอร์จะพิจารณาเชิญมาให้ปากคำในภายหลัง ทั้งนี้ มูลค่าความเสียหาย 266 ล้านบาท ทางดีเอสไอได้ติดต่อขอข้อมูลทางคดีมาแล้ว หากพิจารณาตามเกณฑ์คดีพิเศษ คดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท ก็อาจเข้าข่ายที่ทางดีเอสไอจะรับไปดำเนินการได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อขอนำคดีดังกล่าวไปรับผิดชอบ ฉะนั้น ระหว่างนี้ตำรวจก็จะรับแจ้งความและรวบรวมพยานหลักฐานตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบผู้เสียหายจากต่างประเทศเข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด แต่ทางผู้เสียหายสามารถส่งเรื่องมาให้ตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยทำการแจ้งความร้องทุกข์แทนได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าก่อนที่จะปรากฏเป็นข่าว ยังไม่มีผู้เสียหายรายใดของบริษัทนี้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ โดยเริ่มมีการแจ้งความคดีนี้เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนประเด็นการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับคดีรวม 8-9 จุด ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของการตรวจค้นได้ แต่จะเปิดเผยรายละเอียดในวันถัดไป