สูญเสียลูกสาวหลังร่วมงานกีฬา ทั้งที่ป่วย
วันที่ 11 ต.ค. 2567 เวลา 16:33 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หัวอกพ่อแม่ สูญเสียลูกสาว หลังร่วมงานกีฬา ทั้งที่ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ช้ำหนัก ผอ. บอกให้ภูมิใจ ลูกพลีชีพเพื่อชาติ เป็นภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 เด็กหญิงอายุ 17 ปี ที่กำลังเต้นอยู่กลางสนามกับเพื่อน ๆ อยู่ ๆ ก็เป็นลมล้มฟุบไปกับพื้น แน่นิ่งไปอยู่นานหลายนาที ก่อนจะมีรถพยาบาลมาช่วย และนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยคลิปนี้ ผู้ปกครองนำมาร้องเรียนกับ นายภาณุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจ "เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย" แจ้งความว่า ลูกสาววัย 17 ปี ต้องมาเสียชีวิตเพราะถูกครูที่โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอุดรธานี บังคับให้ไปร่วมกิจกรรมในงานกีฬา ซึ่งเป็นกีฬาของนักเรียน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แห่งประเทศไทย รอบคัดเลือก แต่สุดท้ายลูกสาวต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ 11 วัน และเสียชีวิตลงในวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แม่เล่าว่าช่วงเดือนมิถุนายน ลูกสาวบอกว่า ทางโรงเรียนแจ้งว่าจะประกาศหยุดเรียน เพราะจะมีการจัดแข่งขันกีฬา แต่วันต่อมาลูกสาวมาแจ้งว่า "ไม่ได้หยุดแล้วนะแม่" เพราะครูให้ไปเป็น Staff ช่วยเสริฟข้าว เสริฟน้ำ โดยตอนแรกเราก็งง ทำไมครูถึงเลือกลูกสาว เพราะมีโรคประจำตัว เป็นโรคพุ่มพวง จึงสอบถามว่า "ไหวไหม" แต่ลูกบอกว่า "ต้องไหว เพราะกลัวไม่ผ่านกิจกรรม" พอถึงวัน ลูกกลับต้องไปเต้นแทนเพื่อน และเสียชีวิตลงในที่สุด เรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียใจอย่างมาก เพราะมีลูกคนเดียวเป็นความหวัง แม้เขาป่วยเป็นโรคพุ่มพวง แต่พ่อและแม่ดูแลอย่างดี พาไปรักษาจะหายแล้ว แต่สุดท้ายต้องมาจากไปโดยไปแบบนี้ และที่น่าช้ำใจ ยิ่งกว่าคือตอนที่ลูกรักษาตัวที่โรงพยาบาล มี ผอ. สำนักฝ่ายการศึกษาของเทศบาลฯ ท่านหนึ่ง มาเยี่ยม บอกว่า พ่อแม่จงภูมิใจที่ลูกสาวพลีชีพเพื่อชาติ และไม่ใช่พูดครั้งเดียว แต่พูด 4-5 ครั้ง ที่มาเยี่ยม เพื่อความเป็นธรรม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนของน้องผู้เสียชีวิต พบ นายกฤษดา โสภา ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว และ นายธนดร พุทธรักษ์ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี ผอ.โรงเรียน เผยว่า หลังน้องเสียชีวิต ก็รู้สึกเสียใจ โดยทางโรงเรียนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ให้การช่วยเหลือตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลไปจนพิธีการงานศพ ได้ช่วยเหลือเยียวยาทุกอย่าง อย่างไรก็ตามเหตุนี้จะเป็นกรณีตัวอย่างให้เป็นบทเรียนของสถานศึกษาต่อไป ส่วนเรื่องหนังสือเอกสารที่ทางผู้ปกครอง แจ้งว่าทางโรงเรียนไม่ได้แจงรายละเอียกการเข้าร่วมกิจกรรมชัดเจนในเรื่องนี้ ทาง ผอ. ยอมรับผิดถึงความบกพร่อง ที่ทางโรงเรียนไม่ได้ขออนุญาตโดยตรง เป็นรายบุคคล หลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนก็ได้ถอดบทเรียนและนำมาปรับปรุง รวมถึง เรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะโรคประจำวันตัวของนักเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุอีกต่อไป