ทนายเดชา-ต้นอ้อ พาผู้เสียหายแจ้งความบริษัทดัง

วันที่ 10 ต.ค. 2567 เวลา 16:32 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ทนายเดชา พร้อมด้วย มูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ พาผู้เสียหายกว่า 10 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนกับบริษัทชื่อดังเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ทนายเดชา-ต้นอ้อ พาผู้เสียหายแจ้งความบริษัทดัง ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พร้อมด้วย ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ พาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบบางส่วน จากการลงทุนกับบริษัทชื่อดังกว่า 10 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดย นายแทนคุณ ระบุว่า พฤติการณ์ของบริษัทนี้ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนและโฆษณาเกินจริง เกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ เมื่อมีผู้หลงเชื่อจะชักชวนให้ร่วมลงทุน เปิดคอร์สราคา 97 บาท ก่อนขยับเป็นขั้นบันได ไปจนถึง 250,000 บาท เพื่อเป็นดีลเลอร์ และสามารถสร้างทีม และรับผลประโยชน์เพิ่ม และหลังจากนั้นจะมีการโน้มน้าว เชิญชวนให้ยิงแอดโฆษณาหารายได้ เฉลี่ยแล้ว 1 คน จะเสียหายอย่างน้อย 500,000 บาท ซึ่งข้อมูลล่าสุดมีผู้เสียหายที่มาร้องทนายเดชาแล้วมากกว่า 500 คน วันนี้มีตัวแทนมา 10 คน ส่วนผู้เสียหายรายอื่นสามารถเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่บ้านตนเองได้เลย ส่วนกรณีการนำผู้มีชื่อเสียงมาร่วมงานจากการสอบถามผู้เสียหาย พบว่าดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้มี 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ได้รับมอบอำนาจในการบริหารโดยตรงมี 5-6 คน กลุ่มสองเป็นกลุ่มพรีเซนเตอร์ที่บริษัทจ้างมา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ มีจำนวนหลายคน และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่มีความสัมพันธ์ และถูกเชิญเข้าไปร่วมอีเวนต์ของบริษัท โดยผู้เสียหายยืนยันว่าดารากลุ่มแรกเข้ามาบริหารจริง ทนายเดชาลั่นมี "ดารา" ติดคุกแน่ ด้าน ทนายเดชา เปิดเผยว่า จากการที่เมื่อวาน คุณแซม ยุรนันท์ แถลงข่าวว่าไม่มีส่วนในการตัดสินใจของบริษัท ตนเองได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนแล้วว่า การจะดำเนินคดีกับใครไม่ได้ดูแค่เพียงคำพูด แต่ต้องดูพฤติกรรมและหลักฐานที่รวบรวมมา คดีนี้หากดูจากพฤติการณ์ มีโอกาสสูงที่ดาราจะถูกดำเนินคดีแน่ ๆ แต่ยังไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ทีมทนายรณณรงค์ พาผู้เสียหาย ร้อง ตร. ขณะเดียวกัน ทีมงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายกว่า 20 คน จาก 500 คน เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ  ด้วย โดย นางเอ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เริ่มจากการเห็นตามโฆษณาทางทีวี ว่าบริษัทดังกล่าวเปิดสอนการทำธุรกิจออนไลน์ฟรี 50-100 ท่านแรก หรือมีค่าเรียนแค่ 98-99 บาท จึงเกิดความสนใจสมัครเรียน จนมาวันที่ 3 ของการเรียน มีระดับแม่ทีมลงมาสอนแนะนำให้ทำธุรกิจ อ้างว่าสามารถสร้างรายได้อีกกระเป๋า แต่ต้องเสียค่าสมัครเพื่อร่วมธุรกิจ 2,500 บาท ก็จะได้สินค้า และมีระบบหลังบ้านให้ทั้งหมด การตลาดก็ดี มีดารานักแสดงชื่อดังร่วมงาน ซึ่งจะพบเจอได้ในเฉพาะงานอีเวนต์ แต่จะมีค่าบัตรเข้าร่วมงาน 1,500 บาท เท่าที่เห็นจะมี 3 คนด้วยกัน ซึ่ง 3 คนนี้เท่าที่ได้ยินมาไม่ใช่แค่เป็นพรีเซนเตอร์ แต่เป็นถึงระดับผู้บริหารที่คนจะเรียกกันว่า "บอส" ผู้เสียหายรายนี้ เล่าอีกว่า ช่วงแรกเงินมีไม่พอ บัตรเครดิตก็มีไม่พอ จนมีแม่ทีมเป็นคนแนะนำให้ขยายวงเงินในบัตรเครดิต ประกอบตอนนั้นแม่ทีมขายฝันว่าส่วนแบ่งและผลกำไรจะได้เยอะอย่างไรบ้าง จึงทำให้ตัดสินใจหาเงินเข้าไปลงทุน โดยใช้เงินเก็บทุกบาทในชีวิต พร้อมกับเงินจากบัตรเครดิตจนตอนนั้นไม่เหลือแม้แต่เงินจะกินข้าว   จากการจับสังเกตจะเห็นว่าบริษัทนี้เน้นหาคนเข้ามาลงทุน แต่ไม่เน้นการขายสินค้า