จับความเคลื่อนไหว พิธีกรดัง กับบริษัทดัง
วันที่ 10 ต.ค. 2567 เวลา 16:41 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คนดังหลายคนที่พัวพันกับธุรกิจออนไลน์ดังกล่าว ยังปิดปากเงียบ มีเพียงอดีตพระเอกดัง "แซม ยุรนันท์" ที่เมื่อวานนี้ ออกมาชี้แจงว่า เป็นเพียงพรีเซนเตอร์ ส่วนตำแหน่งในบริษัท ไม่ได้มีอำนาจสั่งการอะไร ส่วนพิธีกรชายชื่อดัง มีตำแหน่งใหญ่ในบริษัทธุรกิจออนไลน์ดังกล่าว ออกมาเคลื่อนไหว ถูกชาวเน็ตรุมถล่มจี้ให้ออกมาชี้แจง จับความเคลื่อนไหว พิธีกรดัง กับบริษัทดัง พิธีกรชายรายนี้ โพสต์ภาพขณะออกกำลังกาย ผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว พร้อมระบุแคปชันว่า "กระโดด 5,000 ครั้ง 43 นาที 478 แคลฯ" ดูแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นที่เป็นข่าว แต่ชาวเน็ตเข้ามาถล่มยับ ส่วนใหญ่อยากให้พิธีกรชายชี้แจงอย่างเป็นทางการ ในฐานะที่ชื่นชมการทำงานเป็นพิธีกรมาโดย ซึ่งทางพิธีกรชายรายนี้ก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้ หรือ คอมเมนต์กลับแต่อย่างใด ต่อมาชาวเน็ตพากันแห่ขุดคลิปเก่า ๆ ที่ "บอสพอล" เจ้าของบริษัทดังกล่าว ที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพิธีกรชายรายนี้ มีการเซอร์ไพรส์วันเกิด 2 ปีซ้อน ปีแรกมอบรถบ้าน Mercedes-Benz คันสีแดงให้ ปีที่ 2 มอบเงิน 1 ล้านบาท นอกจากนี้จะเห็นว่าพิธีการชาย รับบทบาทเป็นพิธีกรในงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าว อยู่ในแทบทุกกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้น แห่จี้ นางเอกดัง ชี้แจง ส่วนนางเอกชื่อดัง ที่เป็นพรีเซนเตอร์ และมีตำแหน่งในบริษัท ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ถึงประเด็นที่เกิดขึ้น แต่ชาวเน็ตพากันเข้าไปคอมเมนต์จี้ถามในอินสตาแกรม ให้ออกมาชี้แจงเช่นเดียวกัน พระเอกดัง ชี้แจงแล้ว ขณะที่พระเอกหนุ่ม คุณบอย ปกรณ์ ที่อยู่ในการโปรโมทของบริษัท ซึ่งหลายคนพุ่งเป้าถามถึงสถานะในบริษัท โดยเจ้าตัวชี้แจงว่า เป็นเพียงแค่พรีเซนเตอร์สินค้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นบอส หรือ มีตำแหน่งหน้าที่ในบริษัท ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากยอดขาย หรือ มีการตัดสินใจใด ๆ โดยมีเอกสารสัญญาที่ระบุอย่างชัดเจน หลังจากนี้หากทางเจ้าหน้าที่จะเรียกตัวไปสอบถาม ก็ยินดีให้ความร่วมมือ เปิดภาพ บอสพอล ถ่ายคู่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ด้าน "บอสพอล" ที่เมื่อวานนี้ ออกมาชี้แจงแบบร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊ก โดยยืนยันว่า พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และฝากถึงคนในสังคม อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าตนเองผิด ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว มีการเผยแพร่ภาพ "บอสพอล" ถ่ายรูปคู่ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โดยภาพนี้ "บอสพอล" โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กตั้งแต่ปี 2560 พร้อมเขียนแคปชันว่า "พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และ พอล โพรเจกต์ต่อไป คือ?" แจงปมภาพคู่ บอสพอล-เสรีพิศุทธ์ ต่อมา โฆษกพรรคเสรีรวมไทย ออกมาโพสต์ชี้แจงว่า "ท่านเสรีพิศุทธ์ ไม่ได้เป็นแบล็ก หรือ ลงทุนอะไร เป็นภาพที่ท่านถูกขอถ่ายรูป ถ้าจะให้กระจ่าง สามารถเข้ามาสอบถาม ท่านเสรีพิศุทธ์ ได้โดยตรง ปล่อยข่าวแบบนี้ ดูจากคอมเมนต์แล้ว ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดกันเยอะ" อ้าง คลังนาฬิกา ของ บอสพอล เราพาไปส่องความร่ำรวยของ "บอสพอล" ผู้ก่อตั้งบริษัท โดยเจ้าตัวเคยเปิดเผยกับรายการหนึ่งว่า เปิดบริษัทมาเพียง 3 ปีกว่า ๆ เท่านั้น แต่มียอดขายทะลุ 5,000 ล้านบาทไปแล้วในปี 2564 อีกทั้งยังเคยได้รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องในวันคุ้มครองผู้บริโภค 2565 จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ด้วย ส่วนไลฟ์ไตล์ของ บอสพอล ก็มักโพสต์รูปเที่ยวรอบโลก ใส่แบรนด์เนมหรู นอกจากนี้ บอสพอล ยังมีของสะสมเป็นนาฬิกาสุดหรู 18 เรือน เรียกว่าแต่ละเรือน Rare Item เป็นรุ่นหายาก โดยในจำนวน 18 เรือนนี้ เป็นยี่ห้อ "ริชาร์ด มิลล์" 15 เรือน ซึ่งเรือนที่ราคาแพงที่สุดมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ที่เหลือเป็นนาฬิกา Patek เฉพาะของสะสมที่เป็นนาฬิกา ก็มูลค่ากว่า 100 ล้านบาทแล้ว ยังไม่รวมรถซูเปอร์คาร์อีกหลายสิบคัน พิธีกรดัง รีวิวนาฬิกา ร้านเดียวกับ แม่ตั๊ก พอมีประเด็นเรื่องความรวย โดยเฉพาะนาฬิกา คนก็พากันไปขุดคลิปพิธีกรดัง ที่เป็นพรีเซนเตอร์ และมีตำแหน่งในบริษัท เป็นคลิปรีวิวร้านนาฬิกาหรูในห้างดัง ซึ่งพิธีกรรายนี้บอกว่า ซื้อนาฬิกาที่ร้านนี้เป็นประจำ และซื้อเป็นของสะสม พร้อมแนะวิธีลงทุนนาฬิกาอย่างไรให้ปัง จี้สอบหนึ่งในผู้บริหารอ้างเป็น หมอ เพจดังแฉขยี้ต่อ อ้างหนึ่งในบอส และเป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทดังกล่าว อวดอ้างว่าตัวเองเป็นหมอ แต่ไม่ได้จบหมอ โดยเพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว โพสต์ข้อความระบุว่า ผู้บริหารของบริษัท เป็นหมอที่ไม่ได้จบหมอ แต่บอกว่าเป็นหมอ ไม่ปรากฏชื่อในข้อมูลสารบบของแพทยสภา แต่จัดเต็มแต่งชุด หลอกคนออกงานเป็นแสน ๆ แบบนี้ได้หรือ ก่อนหลอกคนอื่น หลอกตัวเองแล้วเรียบร้อย ไม่ใช่หมอ แต่เอาหูฟังทางการแพทย์ (Stethoscope) ไปฟังอะไร แพทยสภาจัดการด่วน จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ฐานระบบข้อมูลแพทยสภาด้วย ก็ขึ้นระบุเหมือนที่เพจได้เข้าตรวจสอบว่า "ขออภัย ชื่อ-นามสกุล... ที่ท่านตรวจสอบ ไม่พบข้อมูลในฐานข้อมูลแพทยสภา" เมื่อเข้าไปใส่ ดร. นำหน้าชื่อ ผลออกมา ก็ไม่พบข้อมูลรายชื่อนี้ ในฐานข้อมูลแพทยสภาเช่นกัน สอบถามไปยังแพทยสภา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีแพทย์ที่จะสามารถรักษาคนไข้ในไทยได้ ไม่ว่าจะเรียนจบจากสถาบันการแพทย์จากที่ใดก็ตาม ทั้งในและต่างประเทศ จะต้องมาขอขึ้นทะเบียนกับทางแพทยสภาก่อน เพราะแพทยสภา เป็นองค์กร ที่ทำหน้าที่ควบคุมความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ และแพทย์ทุกคนต้องมีใบประกอบวิชาชีพโรคศิลปะ ก่อนรักษาคนไข้ต้องขึ้นทะเบียนกับทางแพทยสภาก่อน ไม่เช่นนั้น จะเรียกว่า "หมอเถื่อน" สั่ง สคบ.ตรวจสอบ ขณะที่ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ขณะนี้ดิฉันเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีของคณะกรรมการนโยบายผู้บริโภคภายใต้องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา อยู่ต่างประเทศ ทันทีที่ได้รับแจ้งกรณีปัญหาเรื่องบริษัทดังกล่าว ได้สั่งการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตรวจสอบและรายงานในส่วนที่เกี่ยวข้องดังนี้ 1.กรณีที่ สคบ. เคยมอบโล่รางวัลให้กับบริษัทดังกล่าว ในงานวันคุ้มครองผู้บริโภค ปี 2565 ได้รับรายงานว่า ช่วงโควิด ปี 2563 บริษัทดังกล่าวได้บริจาคแอลกอฮอล์และหน้ากากในงานสัมมนาของ กมธ. ซึ่ง สคบ. ได้ร่วมเป็นวิทยากร ในปี 2564 จึงได้รับการเสนอชื่อและได้รับรางวัลจาก สคบ. ในฐานะผู้ทำสาธารณประโยชน์ แต่เป็นช่วงโควิดเลยได้มารับรางวัลในปี 2565 ทั้งนี้ หากต่อมาพบว่าบริษัทดังกล่าว มีการกระทำความผิด สคบ. จะเพิกถอนโล่รางวัลดังกล่าวต่อไป 2.มอบหมายให้ สคบ. รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย และสั่งการให้ สคบ. ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างรัดกุม เช่น พ.ร.บ.ขายตรง และตลาดแบบตรง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น รวมถึงตรวจสอบย้อนกลับไปถึงการร้องเรียนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายมาร้องเรียนบริษัทดังกล่าวที่ สคบ. 3.ดิฉันติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเมื่อถึงไทยจะได้หารือแนวทางการตรวจสอบกรณีดังกล่าวร่วมกับ DSI , ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในโอกาสแรก สคบ.เรียก 3 ดาราให้ข้อมูลสัปดาห์หน้า ขณะที่ สคบ. เตรียมเรียก 3 บอสดาราดัง นั่งแท่น ผอ. ร่วมบริหารบริษัท ให้ข้อมูลสัปดาห์หน้า โดย นายจิติภัทร บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง (สคบ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2563 มีผู้เสียหายที่มาร้องเรียนประมาณ 15 ราย ความเสียหายต่อคนอยู่ที่ประมาณหลักแสน ปัจจุบันไกล่เกลี่ยสำเร็จไปแล้ว 13 ราย ส่วนอีก 2 ราย อยู่ระหว่างการเจรจายอดความเสียหายในครั้งนั้นอยู่ที่ประมาณหลักล้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทดังกล่าวยื่นจดทะเบียนธุรกิจตลาดแบบตรง เมื่อปี 2562 ก่อนที่ภายหลังบริษัทนี้ยื่นจดทะเบียนธุรกิจขายตรง เมื่อปี 2565 พร้อมบอกว่าเป็นเสนอขายปลีกขายส่งกำไรที่ได้มาจากส่วนต่าง ตอนนั้นนายทะเบียนจึงไม่มีคำสั่งรับจดทะเบียนขายตรง ปัจจุบันความเสียหายของพี่น้องประชาชนมีค่อนข้างมาก ลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในภายหลังที่ขอจดทะเบียนอาจจะมีความแตกต่างกัน อาจจะเป็นการเข้าระบบขายตรงหรือไม่ มีการชักชวนให้เข้าไปลงทุนมีการแบ่งผลกำไร ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งนึง นอกจากนี้ก็จะมีการประสานงานกับตำรวจดีเอสไอ ว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับลักษณะการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เพื่อเป็นการให้ร่วมดำเนินการอีกทางนึง และจะต้องไปดูข้อตกลงสัญญาว่า มีการจ่ายผลตอบแทนเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ ถ้าผู้เสียหายมีสินค้าในการขายก็จะต้องออกไปขายของไม่ใช่นั่งรอกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายเป็น "แชร์ลูกโซ่" ทั้งนี้ หากเป็นธุรกิจขายตรงจะมีความผิด เฉพาะกรรมการกับนิติบุคคลเท่านั้น แต่ในส่วนของ Influencer หรือ ดารา ที่ทำการชักชวนให้มาร่วมลงทุน อาจเข้าข่ายความผิดไปด้วย ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างแน่ชัด และต้องดูกฎหมายข้างเคียง ใน พรก.การกู้ยืมเงิน เพราะเป็นการโฆษณาชักชวนให้ไปร่วมลงทุน แต่ถ้ามีการแอบอ้างสรรพคุณของสินค้าที่ไม่ตรงปกตรงส่วนนี้ทาง สคบ. จะเข้าไปดำเนินการในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ทาง สคบ. จะลงพื้นที่ตรวจสอบภายในบริษัท และในสัปดาห์หน้าก็จะมีการเชิญ ผู้บริหารของบริษัทรวมถึงดารา และผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจ บิ๊กต่าย ประสาน ปปง. อายัดทรัพย์บริษัทดัง ช่วงบ่ายที่ผ่านมา รักษาราชการแทน ผบ.ตร. สั่งระดมตำรวจสอบสวนกลาง เร่งสอบปากคำผู้เสียหายจากบริษัทดังกล่าว เพื่อนำมาศึกษาว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง และหน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมประสาน ปปง. ใช้อำนาจอายัดทรัพย์เจ้าของบริษัทก่อน พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนไว้ที่ บก.ปคบ. ซึ่งในวันนี้ตนเดินทางมาเพื่อดูว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากน้อยแค่ไหน และระดมกำลังพนักงานสอบสวนจากตำรวจสอบสวนกลางทั้งหมดให้เข้ามาสอบสวนในเรื่องนี้ด้วย โดยข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่ทำการสอบไปแล้ว 80 ปาก ในส่วนเรื่องดาราที่ปรากฏตามสื่อว่าเป็นผู้บริหาร หรือ ที่เป็นพรีเซนเตอร์นั้น หากพบว่ามีการสนับสนุนความผิด และเป็นตัวการความผิด จะดำเนินการตามกฏหมาย ไม่มีละเว้นใครทั้งสิ้น ดังนั้นทางดาราและศิลปินที่มาไลฟ์สด หรือ ช่วยโฆษณาสินค้า ก็จะดูข้อเท็จจริงในเบื้องต้นก่อนว่าเข้าข่ายความผิดใด และอยู่ในระดับที่ทางตำรวจจะพิจารณาความผิดนั้นมากน้อยแค่ไหน สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้คือสอบสวนผู้เสียหาย และรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานก่อน โดยจะใช้เวลาเร็วที่สุดประมาณ 2-3 วัน ที่จะสามารถพิสูจน์ให้ได้ข้อเท็จจริง จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมาย คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะพบว่ามีความผิดในฐานใด ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการออกหมายเรียก หากไม่มาก็ออกหมายจับ ขณะนี้ตนให้ความสำคัญเรื่องเงินเป็นหลัก แต่ตำรวจไม่มีอำนาจไปยึดทรัพย์ ดังนั้นทางตำรวจจะส่งเรื่องไปที่ ปปง. โดยมุ่งเป้าไปที่ตัวเจ้าของบริษัทก่อน โดยให้ ปปง. ใช้อำนาจอายัดทรัพย์ทั้งหมดไว้ก่อน อย่างไรก็ตามทางผู้ถูกกล่าวหาก็สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าทรัพย์ดังกล่าว ไม่ใช่ทรัพย์จากการกระทำความผิด แต่หากพบแล้วว่ามีการกระทำความผิดก็จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องและเฉลี่ยทรัพย์คืน นอกจากนี้ในส่วนดาราที่ได้รับเงินเดือนจากบริษัทดังกล่าวจะถูกอายัดทรัพย์สินด้วยหรือไม่ ก็ต้องดูว่ามีส่วนร่วมกระทำความผิด หรือ เป็นตัวการในการกระทำความผิดร่วมกันหรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏก็ยืนยันว่าจะโดนอายัดทรัพย์ทุกราย ไม่มีละเว้น บริษัทดังแจ้งยกเลิกกิจกรรม ประกาศ! บริษัทดัง แจ้งยกเลิกกิจกรรม BOOM ON TOUR-VIP DINNER เดือนตุลาคมทั้งหมด ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังเกิดประเด็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขยายวงกว้างออกไป ทำให้บริษัทดังกล่าวได้แจ้งไปยังสามาชิก ประกาศการยกเลิกกิจกรรม BOOM ON TOUR ของเดือนตุลาคม 2567 ทั้งหมด และจะประกาศกำหนดการ การจัดกิจกรรมให้ทุกท่านได้ทราบอีกครั้ง จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ รวมถึงประกาศยกเลิกกิจกรรม VIP DINNER ของเดือนตุลาคม 2567 ทั้งหมด