ป.ป.ส. เช็กบิล "นักเลงคีย์บอร์ด" โพสต์ปั่น “เผายาเสพติดไม่หมด”

วันที่ 8 ต.ค. 2567 เวลา 10:10 น.

"นักเลงคีย์บอร์ด" เจอของจริง ป.ป.ส. สั่งเช็กบิล โพสต์ปั่น “เผายาเสพติดไม่หมด” เจ้าตัวโร่ขอโทษ อ้างคึกคะนอง ไม่ทันคิด จากกรณีที่มีผู้ใช้บัญชี TikTok รายหนึ่ง แสดงความคิดเห็นใต้คลิปวิดีโอ “จากห้องมั่นคง สู่เตาเผา” ในบัญชี TikTok ของสำนักงาน ป.ป.ส.- oncb ซึ่งเผยแพร่ภาพการขนย้ายยาเสพติดของกลางเพื่อนำไปเผาทำลาย โดยบริษัทเอกชน เมื่อวันที่ 26 ก.ย.67 โดยความคิดเห็นดังกล่าวระบุว่า “ผมทำงานอยู่ในนั้น ตอนไปเอาก็คุยกับคนตามไปดู หนิบๆ แบ่งออกมาขายต่อครับ” ข้อความนี้ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อกระบวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อขวัญ และกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยสุจริต ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสำนักงาน ป.ป.ส. ในภาพรวมอีกด้วย ล่าสุด วันนี้ (8 ต.ค.67) พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้สั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที พบว่าเจ้าของบัญชีดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทรับเผาทำลายยาเสพติด หรือกระบวนการเผาทำลายของกลางยาเสพติดแต่อย่างใด โดยเจ้าตัวยอมรับว่าได้โพสต์ข้อความไปด้วยความคึกคะนอง ไม่ทันคิด และได้แสดงความขอโทษผ่านช่องทางแสดงความคิดเห็นใต้คลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 ต.ค.67 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เดินทางไปยังกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชี TikTok รายนี้ ในความผิด “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560) มาตรา 14(2) และความผิดฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง “สำนักงาน ป.ป.ส. ขอยืนยันว่ากระบวนการเผาทำลายของกลางยาเสพติดเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหลายภาคส่วน มีการบันทึกภาพและเสียงตลอดกระบวนการ เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ทั้งนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไป และขอความร่วมมือจากประชาชนในการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีความรับผิดชอบ ตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่ทุกครั้ง และขอให้ตระหนักว่าการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ข้อมูลบิดเบือน หรือข้อความที่สร้างความเสียหาย อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง”