หลานทรพีวัย 35 ปี ทำร้ายยายวัย 86 ปี หน้าผากแตก ไม่พอใจขอเงิน 10,000 บาท แต่ได้แค่ 1,000 บาท

วันที่ 6 ต.ค. 2567 เวลา 09:09 น.

วันนี้ (6 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางสายทิพย์ ชาวบ้านชุมชนแห่งหนึ่ง ว่า มีคนทำร้ายหญิงชรา ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เมืองใต้ อ.เมืองฯ จ.ศรีสะเกษ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุ พบนายวุฒิกร อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตร. ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ คือ นางโฉมทิพย์ อายุ 86 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นยายของผู้ก่อเหตุ ด้วยความหวาดกลัว ญาติจึงนำตัวไปอาศัยอยู่ที่อื่น เพราะหวั่นเกรงจะไม่ปลอดภัยต่อนางโฉมทิพย์ ขณะที่นางสายทิพย์ อายุ 63 ปี  ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของผู้ก่อเหตุ ยืนด่าทอหลานชายของตัวเองด้วยความโมโห ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตร. ชุดสายตรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ จะได้ทำการพูดเกลี้ยกล่อม และดำเนินการควบคุมตัว นายวุฒิกร ผู้ก่อเหตุไปยัง สภ.เมืองศรีสะเกษ นายวุฒิกร ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนทำร้ายยาย นั้น เกิดจากความไม่ตั้งใจ เพราะตนนั้น ได้มาขอเงินยาย แต่ยายไม่ยอมให้ ด้วยความโมโหจึงเขวี้ยงเงินเหรียญที่อยู่ในมือทิ้ง แต่ปรากฏว่า เงินเหรียญได้เด้งไปโดนกำแพงก่อนที่จะไปโดนหน้าผากยายของตน จนเกิดบาดแผลแตก ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยทำร้ายยายแต่อย่างใด เพราะตนไม่ได้ทำการทำงานจึงต้องขอเงินยายใช้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงและทำให้ยายได้รับบาดเจ็บ นางสายทิพย์ ป้าของนายวุฒิกร ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตั้งแต่นายวุฒิกร ทราบว่า ยายโฉมทิพย์ ได้เงินจำนวน 10,000 บาท  จากรัฐบาล ก็พยายาม มาบีบบังคับ เพื่อขอเงินยายโฉมทิพย์ อยู่เป็นประจำ โดยในครั้งแรก ยายโฉมทิพย์ ได้ให้เงิน นายวุฒิกร ผู้ก่อเหตุไปจำนวน 1,000 บาท แต่นายวุฒิกร ก็นำไปใช้จนหมด และพยายามมาบีบบังคับขอเงินยายโฉมทิพย์อีก ซึ่งยายโฉมทิพย์ ไม่ได้เป็นคนเก็บเงินไว้ที่เอง แต่เป็นการถอนเงินออกมาเพียงบางส่วนและฝากไว้ที่ญาติพี่น้อง หากยายโฉมทิพย์ จะใช้เงินก็ทยอยขอจากทางญาติพี่น้อง ครั้งละ 100 – 200 บาท เพียงเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายครั้ง ญาติพี่น้องและชาวบ้าน ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตร. เพื่อนำตัวนายวุฒิกร ผู้ก่อเหตุ ไปดำเนินการคุมขัง เพราะรู้สึกสงสารและเหลือทนกับพฤติกรรม ที่ต้องเห็นนายวุฒิกร ดุด่าและทำร้ายยายโฉมทิพย์ แต่ปรากฏว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปแล้ว ไม่นานก็ปล่อย นายวุฒิกร กลับมา โดยหลายครั้งหวั่นกลัวว่า นายวุฒิกร จะทำร้าย ญาติพี่น้องก็ต้องพายายโฉมทิพย์ ไปหลบซ่อนตัวตามบ้านญาติที่อื่น เพราะกลัวนายวุฒิกร จะทำร้าย ส่วนตัวนายวุฒิกร ผู้ก่อเหตุ นั้น ก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว แต่ด้วยเมียทนไม่ไหวจึงหอบลูกทั้ง 2 คน ของนายวุฒิกร และแยกตัวออกไปอยู่ที่อื่น คงเหลือ แต่ยายโฉมทิพย์ และ นายวุฒิกร ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน ที่บ้านหลังนี้  ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางโฉมทิพย์ โดยนางโฉมทิพย์ มีบาดแผลแตกบริเวณหัว และผ้าเช็ดตัวที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ซึ่งบาดแผลเกิดมาจากถูกนายวุฒิกร ทำร้าย พร้อมแสดงเอกสารใบแจ้งความลงบันทึกประจำวัน นางโฉมทิพย์  เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า  นายวุฒิกร ผู้ก่อเหตุ เป็นหลานชาย และนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ เพราะก่อนหน้านี้ นายวุฒิกร เคยทะเลาะกับตน และเขวี้ยงตระกร้าผ้าใส่หน้าตน ตนทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ ตาปูดบวม ช้ำมาแล้ว และเป็นประจำที่หากตนขัดใจหรือไม่ให้เงินตามที่นายวุฒิกรขอ ก็จะเกิดการพูดจาดุด่าตนอยู่เป็นประจำ แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ สาเหตุมาจาก นายวุฒิกร ทราบว่าตนได้เงินจากรัฐบาลจำนวน 10,000 บาท แต่ตนได้แบ่งให้กับนายวุฒิกร ไปแล้ว จำนวน 1,000 บาท แต่ปรากฏว่า นายวุฒิกร ใช้หมดแล้ว และจะมาบังคับขอเงินเพิ่ม แต่ด้วยตนปฏิเสธที่จะให้เงิน นายวุฒิกรจึงเกิดความไม่พอใจ และเขวี้ยงสิ่งของบางอย่างใส่ตน มาทราบอีกที ก็ตอนที่ตนหน้าผากแตก หลังจากนั้น ตนก็ได้ผ้าเช็ดตัว คลุมศีรษะ และวิ่งออกมาจากบ้าน ไปหาญาติอีกคนเพื่อพาไปส่งโรงพยาบาลศรีสะเกษ    นางโฉมทิพย์ ยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะกล่าวด้วยอาการเสียใจว่า ตนอยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวหลานชายของตนไปรักษา หรือจะนำไปจับขังหรือทำอย่างไรก็ได้ เพราะตนอดทนกับพฤติกรรมของหลานคนนี้มานานมากแล้ว ทั้งดุด่า และทำร้าย ซึ่งตนวอนเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย