แม่น้องวัย 9 ขวบ วอนโซเชียลหยุดถล่ม ย้ำเงินเยียวยาทุกบาท ให้ครอบครัวฝ่ายพ่อทั้งหมด
วันที่ 5 ต.ค. 2567 เวลา 19:34 น.
แม่น้องวัย 9 ขวบ ผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้รถบัส ชี้แจงเช็คเงินเยียวยา 1.2 ล้าน เผยเป็นคนรับเช็คจริง แต่ให้พ่อน้องไปแล้วตั้งแต่วันที่รับ ยืนยันเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับให้พ่อของลูกไปหมดแล้ว 5 ต.ค. 67 จากกรณีที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลว่า มีญาติไม่พอใจ แล้วไปร้องเรียนว่า แม่แท้ ๆ น้องวัย 9 ขวบ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาเกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นั้น โดยตามกระแสข่าว ระบุว่า แม่ไม่เคยเลี้ยงดูน้อง แต่มารับเงินเยียวยา 1.2 ล้าน นั้น เรื่องนี้ครอบครัวฝ่ายพ่อของน้อง 9 ขวบ ได้ออกมายืนยันแล้วว่าเงินทุกบาท อยู่ที่ครอบครัวฝ่ายพ่อหมดแล้ว โดยตามกฏหมาย แม่บังเกิดเกล้าต้องเป็นผู้ที่รับเงินเยียวยาอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องในครอบครัว ขณะที่ แม่ของน้องวัย 9 ขวบ อายุ 49 ปี ติดต่อสื่อมวลชน โดยเผยว่า อยากจะเปิดใจและชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นในโซเชียล ยอมรับว่า ตนเองเป็นแม่บังเกิดเกล้าของน้อง ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนกับพ่อ ทำให้ตนมีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองเต็มที่ตามกฏหมาย หลังเลิกรากัน ญาติของพ่อน้องวัย 9 ขวบ เป็นคนเลี้ยง แต่ตนเองก็ไม่ได้ละเลย รับน้องไปนอนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งตนเองเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ก็ยังเคยพาน้องออกสนามไปช่วยเหลือช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งน้องตามที่เป็นกระแสลือในโซเชียล ในส่วนเช็ค 1.2 ล้าน เงินเยียวยาน้อง ตนเองเป็นผู้รับเช็คดังกล่าว ซึ่งในวันนั้นตนมาพร้อมกับคุณพ่อของน้อง หลังจากได้รับเช็คตนก็นำเช็คดังกล่าวให้พ่อน้องทันที ไม่ได้ไปก้าวก่ายในเรื่องของเงินเยียวยา ส่วนซองเงินเยียวยาที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนมอบให้ในงานศพ ส่วนใหญ่เป็นญาติของพ่อน้องที่รับซอง แต่ตนเคยรับอยู่ซองหนึ่ง รับเสร็จก็มอบให้กับพ่อของน้อง ทันที นอกจากนี้ ตนเองยังเคยรับเงินเยียวยาจาก ผบ.ตร. และคุณเปิ้ล นาคร ตนเองก็เอาให้คุณพ่อน้องตลอด เรื่องทั้งหมดญาติของพ่อน้องทราบเรื่องมาโดยตลอด กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องดรามาทั้งตนเองและญาติของพ่อน้องก็แปลกใจมากว่า ใครไปร้องเรียนและกลายเป็นคนเปิดกระแสในโซเชียล ตอนนี้ที่มาชี้แจง อยากให้กระแสโซเชียลยุติ เพราะต้องสูญเสียลูกอยู่แล้ว กลายเป็นถูกโซเชียลรุมด่า ตนไม่ได้ต้องการที่จะถามหาว่าใครเป็นคนเอาไปลง แต่ตนอยากขอความเห็นใจว่าลูกตนเสียชีวิต ตนคือผู้สูญเสีย และที่มาชี้แจงกับทีมข่าวในวันนี้เพราะอยากให้เรื่องนี้จบ เพราะคิดว่าถ้าไม่ชี้แจงกระแสคงแรงขึ้น แล้วไปกระทบกับการงานและความรู้สึกของครอบครัวผู้สูญเสียรายอื่น และเหตุการณ์ที่ลงข่าวก็ไม่ใช่ความจริง ซึ่งมันกระทบต่อจิตใจตนในขณะนี้ อยากให้มองมุมกลับกันว่าถ้าหากเป็นผู้ปกครองคนอื่นที่สูญเสียลูก แล้วมาโดนเหตุการณ์แบบนี้ อาจจะไม่ได้เข้มแข็งแบบตนก็ได้ ส่วนตัวช้ำใจอยู่แล้วว่าตนเองเป็นต้นเหตุหรือไม่ที่ลูกชายเสียชีวิต เพราะตนเองเป็นอาสาสมัครกู้ภัย แล้วลูกชายซึมซับที่เคยไปออกสนามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกับตนเอง ก็เลยทำให้ตอนที่เกิดเหตุ ลูกชายคล้ายสวมวิญญาณกู้ภัยแล้วไปช่วยเพื่อน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าภูมิใจในตัวลูกชายที่สุด และก็เสียใจที่สุดเช่นเดียวกันที่สูญเสียลูกชายสุดที่รักไป