แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซ้ำเติมหนุ่มพิการ หลอกเอาเงิน สูญ 7 พัน
วันที่ 5 ต.ค. 2567 เวลา 13:50 น.
หนุ่มพิการ ดูแลยายป่วยติดเตียง สุดช้ำ! ได้เงินหมื่นจากรัฐ แต่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก สูญเงิน 7,000 บาท จ.บุรีรัมย์ 5 ต.ค. 67 นายตั้ม อายุ 29 ปี ชาว ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ประกอบกับผ่าตัดไส้ติ่ง ทำให้มีผลต่อการสื่อสารด้วย ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือและแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนภัย หลังได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทจากรัฐบาล แล้วโดนสาวประเภทสองซึ่งคิดว่าเป็นแฟนเก่า โทรศัพท์มาหลอกยืมเงิน 12,000 บาท แต่โอนให้ไป 2,000 บาทแล้วไม่ยอมคืน ทั้งยังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. บอกว่ามีส่วนพัวพันกับขบวนการฟอกเงินหลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบอีก 5,000 บาท รวมเป็นเงินที่ถูกหลอกโอนไปจำนวน 7,000 บาท โดยนายตั้ม เล่าว่า หลังได้รับเงิน 10,000 บาท จากรัฐบาล โอนเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67 ก็ยังไม่ได้ไปถอนเงินมาใช้ จากนั้นวันที่ 28 ก.ย. ก็มีสาวประเภทสองคนหนึ่งโทรศัพท์มาหา ทำเนียนถามว่าจำได้หรือเปล่าว่าเป็นใคร ตนก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นแฟนเก่า เพราะเคยคบหากับสาวประเภทสองมาก่อน พอเขาพูดตีสนิทสักพักก็เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ถามตนว่าพอจะมีเงิน 12,000 บาทหรือเปล่า พอดีไปทำธุระที่ตัวอำเภอจะจ่ายค่าของ แต่เงินสดไม่พอขอยืมก่อน แล้วช่วงบ่าย ๆ จะโอนคืนให้ ตอนนั้น ตนตอบไปว่ามีเพียง 2,000 บาทเท่านั้น แต่ฝั่งปลายสายก็บอกว่าให้ตนโอนไปก่อน 2,000 บาท ด้วยความที่ตนเข้าใจว่าปลายสายอาจจะเป็นแฟนเก่าที่เคยคบกัน ก็เลยโอนไปให้ 2,000 บาท เพราะเขาอาจจะเดือดรอนเงินไม่พอจริง ๆ แต่พอช่วงบ่ายก็ยังไม่เห็นโอนเงินกลับมาคืน ผ่านไป 2 วันก็ยังเงียบหาย จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าชาติก่อนตนอาจจะไปเอาเงินเขามา ชาตินี้เขาก็เลยมาเอาเงินคืน ต่อมา วันที่ 3 ต.ค. ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาตนอีก โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. ถามว่าตนเป็นอะไรกับคนที่ตนโอนเงินไปให้ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. แล้วเขายังบอกว่าคนที่ตนโอนเงินไปให้เป็นกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นกระบวนการฟอกเงิน เขาบอกให้ตนโอนเงินไปตรวจสอบ ตอนนั้นตนมีเงินติดอยู่ในบัญชีเพียง 5,000 บาท ด้วยความที่คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.จริง ๆ และกลัวความผิด จึงหลงเชื่อโอนเงินไปให้เขาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาวประเภทสองที่เขามาหลอกยืมเงิน แต่พอโอนไปแล้วกลับติดต่อไม่ได้อีก จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงแน่นอน จึงได้นำหลักฐานสลิปโอนเงินไปแจ้งความที่ สภ.นางรอง และนำเรื่องราวมาเตือนภัยกับคนอื่น ๆ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกสูญเสียเงินเหมือนตนเองอีก และอยากฝากถึงกลุ่มมิจฉาชีพว่าอย่ามาซ้ำเติมคนพิการ หรือคนที่ตกทุกข์ได้ยากแบบนี้อีกเลย ซึ่งตนนอกจากจะพิการแล้ว ยังต้องดูแลยาย ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วย