สปสช.ค้างจ่าย รพ.มงกุฎวัฒนะจำกัดการจ่ายยาผู้ป่วยบัตรทองส่งตัวจากคลินิก

วันที่ 3 ต.ค. 2567 เวลา 11:06 น.

สปสช.ค้างจ่ายคลินิกคู่สัญญา  รพ.มงกุฎวัฒนะ แบกหนี้ 20 ล้าน ประกาศจำกัดการจ่ายยาผู้ป่วยบัตรทอง ส่งตัวจากคลินิกครั้งละไม่เกิน  1 สัปดาห์ จวกยับการลดอัตราจ่าย-ค้างชำระค่ารักษาพยาบาล จากกองทุนประกันสังคม กองทุนบัตรทอง ส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ป่วย พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกับผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกและสถานพยาบาลต่างๆ ว่า เนื่องจากคลินิกคู่สัญญา สปสช. จำนวนมากได้ค้างชำระหนี้ค่ารักษาพยาบาลที่ส่งตัวผู้ป่วยมารักษายัง รพ.มงกุฎวัฒนะจนมียอดหนี้ค้างชำระเกือบ 20 ล้านบาท โดย สปสช ยังไม่เคลียร์เงินยอดหนี้จำนวนมากจากคลินิกต่าง ๆให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ อีกทั้ง สปสช เองก็มีหนี้ค้างชำระอีกหลายสิบล้านบาทด้วยเช่นกัน ทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจนต้องเลื่อนกำหนดการชำระเงินให้แก่บริษัทยาและเวชภัณฑ์ ดังนั้นตั้งแต่ 2 ต.ค.67 เป็นต้นไป รพ.มงกุฎวัฒนะจำเป็นต้องจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองที่ส่งตัวมาจากคลินิกต่าง ๆ ครั้งละไม่เกิน 1 สัปดาห์เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของ รพ.มงกุฎวัฒนะจนกว่า สปสช จะเคลียร์หนี้ที่คลินิกต่างๆค้างชำระให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทั้งนี้  รพ.มงกุฎวัฒนะ ประกาศเสียงตามสายภายใน รพ.ทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ผู้ป่วยบัตรทองทราบถึงความจำเป็น เช้าวันนี้ (3 ต.ค.67) หมอเหรียญทอง ใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงเพิ่มเติมว่า การลดอัตราจ่ายและค้างชำระค่ารักษาพยาบาลจำนวนมากจากทั้ง 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคม และ กองทุนบัตรทอง ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ ผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคม และผู้ป่วยสิทธิบัตรทองทั้งสิ้น โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิก ย่อมจะต้องปรับตัว ปรับลดต้นทุน ปรับลดคุณภาพการบริการ ปรับลดวัตถุดิบในการรักษาพยาบาล ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยทั้ง 2 กองทุนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สำหรับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ขอยืนยันผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคม และผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ว่า รพ.มงกุฎวัฒนะยังคงให้บริการทั้ง 2 สิทธิต่อไป แต่จำเป็นต้องดำเนินการดังนี้ 1. ควบคุมและทยอยลดเพดานจำนวนรับขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคม และผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนให้เสมอทุน ไม่ขาดทุน 2. ควบรวมพื้นที่การให้บริการทั้ง 2 สิทธิ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับอัตราจ่ายของทั้ง 2 กองทุน ตลอดจนระยะเวลาการชำระเงิน เนื่องจาก รพ.มีต้นทุนสูงขึ้นจากดอกเบี้ยที่เกิดจากการหมุนเวียนเงิน เพราะการจ่ายเงินล่าช้าจำนวนมาก จนส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน ยังไม่นับรวมกับการลดอัตราจ่ายอย่างฮวบฮาบ ไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย จู่ ๆ ก็ประกาศลดอัตราจ่าย จนทำให้ รพ.ขาดทุน ทั้ง ๆ ที่ รพ.รับรู้รายได้ตามอัตราจ่ายเดิมที่ทำให้มีกำไรซึ่งต้องจ่ายภาษีให้กรมสรรพากรไปแล้ว แต่ต้องกลายเป็นขาดทุน ดังนั้นหากผู้ประกันตนสิทธิประกันสังคมสามารถย้ายไปเลือก รพ.อื่นได้ก็จะสะดวกต่อผู้ประกันตน แต่หากย้ายไม่ได้ก็ขอให้อดทนใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะกันต่อไป ส่วนผู้ป่วยบัตรทองก็เช่นกันหากสามารถย้ายไปเลือกคลินิกที่ส่งต่อ รพ.อื่นได้ที่ไม่ใช่ รพ.มงกุฎวัฒนะ แล้วเกิดความสะดวกยิ่งกว่า ก็จะสะดวกต่อผู้ป่วยบัตรทอง แต่หากไม่มี รพ.อื่นที่ดีกว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็อดทนจำใจจำยอมใช้บริการกับ รพ.มงกุฎวัฒนะต่อไป รพ.มงกุฎวัฒนะยินดีให้บริการทุกสิทธิเท่าที่จะทำได้ การลดอัตราจ่ายค่ารักษาพยาบาลและการจ่ายเงินล่าช้าจำนวนมากจากทั้ง 2 กองทุน ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคม และผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ดังนั้นกรุณา “ด่าหรือตำหนิ” ต้นเหตุให้ถูกตัว ต้นเหตุหรือสาเหตุไม่ใช่ รพ.-สถานพยาบาล-คลินิก แต่เป็นรัฐบาล และหากทั้ง 2 กองทุนยังค้างจ่ายเงินจำนวนมาก โดยจ่ายกระปริดกระปรอยเช่นนี้ ในกลางเดือน ต.ค.67 ที่จะถึงวงรอบการจ่ายค่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ก็อาจจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดออกไป ขอให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ด่าให้ถูกตัวด้วย