คู่รักต่างชาติเรียนมวยไทย ถูกหลอกเงิน
วันที่ 2 ต.ค. 2567 เวลา 16:47 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ทุกวันนี้มวยไทยดังไกลไปทั่วโลก เป็นที่นิยมชมชอบของชาวต่างชาติ ต่างก็มุ่งหมายจะมาเรียนมวยไทย ที่ประเทศไทยกันเป็นจำนวนมาก ถือว่าการสร้างรายได้ให้กับไทยเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีค่ายมวยชื่อดังในภูเก็ต ใช้โอกาสนี้หลอกเงินชาวต่างชาติ โดยการหลอกว่าสามารถทำวีซ่าให้อยู่ในไทยได้ถึง 15 เดือน โดยมีค่าใช้จ่าย 100,000 บาท หลังได้รับเงินมาแล้วก็ไม่ทำการต่อวีซ่าให้ แถมยังขู่จะให้ตำรวจมาจับ และส่งกลับประเทศไป เรื่องนี้ทำให้ชาวไทยเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก จ่าคิงส์ แตงทิม ได้พา Mr.Vit Musilik อายุ 29 ปี สัญชาติเช็ก และ Ms.Xiao Feng Kang อายุ 26 ปี สัญชาติจีน ทั้งคู่เป็นภรรยากัน มาร้องเรียนกับกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับเจ้าของโรงเรียนสอนมวยไทยชื่อดังในจังหวัดภูเก็ต ที่หลอกเงินไป 100,000 บาทแล้ว อ้างว่าสามารถทำจะได้วีซ่าเรียนมวยไทยได้ 15 เดือน หลังผู้เสียหายจ่ายเงินไป กลับอยู่ไทยได้เพียงไม่กี่วันก็ถึงจับ ข้อหาโอเวอร์สเตย์ พอทวงถามกลับถูกขู่จะเอาตำรวจมาจับผลักดันออกนอกประเทศ หลังผู้เสียหายไปแจ้งความคดีก็ไม่คืบหน้า คาดเจ้าของค่ายเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ เพราะเคยมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความเอาผิดในลักษณะกัน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าของโรงเรียนสอนมวยแห่งนี้ได้ Mr.Vit Musilik หรือนายวิทเตอร์ เปิดเผยว่า ภรรยาที่เป็นชาวจีนของตน ไปเห็นโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เชิญชวนให้มาเรียนมวยไทยที่ประเทศไทย ในจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า สามารถต่อวีซ่าให้ได้ด้วย ตนกับภรรยาจึงสนใจ เพราะตนมาเที่ยวอยู่ในประเทศอยู่แล้ว และพาสปอร์ตตนกับภรรยาก็จะหมดอายุอีก 7 วัน ภรรยาตนจึงเข้าไปคุยกับโรงเรียนสอนมวยดังกล่าว โดยเจ้าของโรงเรียนสอนมวยเป็นคนไทยแต่มีภรรยาเป็นชาวจีน ซึ่งชาติเดียวกับภรรยาของตน ภรรยาตนได้คุยกับภรรยาเจ้าของโรงเรียน ได้ข้อตกลงกันว่า ถ้าจะเรียนมวยคิดค่าเรียนเดือนละ 8,000 บาท ให้มาทดลองเรียนฟรีได้ 1 วัน แต่ถ้าจะต่อวีซ่า 1 ปี มีค่าใช้จ่าย 100,000 บาท แถมวีซ่าให้อีก 3 เดือน ตนกับภรรยาจึงตกลงยอมจ่ายเงินค่าต่อวีซ่าไปก่อน 100,000 บาท ตนจึงมอบพลาสปอร์ตให้กับเจ้าโรงเรียน จากนั้นไม่นานเจ้าของโรงเรียนได้นำพาสปอร์ตมาคืนให้ แต่ไม่ได้มีการสแตมอะไรกลับมา แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าเรียบร้อยแล้ว เพราะเห็นว่าสถานที่เรียนมวยดูใหญ่โต ดูน่าเชื่อถือแต่หลังอยู่ไทยได้ไม่กี่วัน ตนได้ถูกจับดำเนินคดี ข้อหา overstayไป 7 วัน ต้องเสียค่าปรับไป 7,000 บาท ตนจึงรีบออกไป ประเทศมาเลเซีย ไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตเช็กที่มาเลเซีย ทางสถานทูตจึงช่วยออกวีซ่านักเรียนมาให้ 3 เดือนแทนให้ แต่กว่าจะออกวีซ่าให้ก็ปาเข้าไป 2 อาทิตย์ ตนกับภรรยาต้องหมดค่าใช้จ่ายไปอีกหลายแสนบาท หลังเสร็จเรื่องตนจึงเดินทางกลับเข้ามาที่ประเทศไทย แล้วเดินทางไปโรงเรียนสอนมวยที่ภูเก็ต เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมขอเงินคืน แต่ 2 ผัวเมียเจ้าของโรงเรียนสอนมวยกับบ่ายเบี่ยง ไม่รับผิดชอบ แถมยังขู่ว่าจะเอาตำรวจมาจับส่งกลับประเทศ ตนจึงเดินทางไปแจ้งความที่ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจสภ.วิชิต แต่ผ่าน 3 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้า ล่าสุด ภรรยาเจ้าของโรงเรียนสอนมวย ได้ติดต่อมาขายวีซ่าประเภทใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ทำงานทางไกล ในราคา 200,000 บาท อยู่ได้ 5 ปี มีค่าใช้จ่าย 200,000 บาท แต่ตนไม่รับข้อเสนอ เพราะขนาดเงิน 100,000 ยังหลอกกัน แล้วถ้าให้ไปอีกคนถูกหลอกเหมือนเดิม ตอนนี้ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของภรรยามาก เพราะภรรยาตั้งท้องได้ 2 เดือนแล้ว กลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะเจ้าของโรงเรียนสอนมวยเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ สิ่งที่ตนเสียใจมากที่สุดคือ ทำไมคนจีนถึงหลอกคนจีนด้วยกันเองได้ ทางด้าน จ่าคิงส์ แตงทิม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา ตนเคยนำผู้เสียหายหลายรายเข้ามาร้องเรียนพฤติกรรมเจ้าของโรงเรียนสอนมวยแห่งนี้ โดยมีพฤติกรรมหลอกลวงผู้เสียหายลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก ในคดีนี้ก็เป็นอีกรายที่ถูกหลอกเช่นกัน จากนี้ตนจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งวอรูม รวบรวมรับเรียนผู้เสียทั้งหมด คาดว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก เบื้องต้น พงส.กก.5 บก.ป.ได้สอบถามผู้เสียหายสามีภรรยาชาวต่างชาติทั้งสองคน ก่อนประสานไปทาง สภ.วิชิต อำนวยความสะดวกให้ความช่วยเหลือทางคดีตามกฎหมายต่อไป