“ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย

วันที่ 2 ต.ค. 2567 เวลา 13:53 น.

อนุทิน” เผยเป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย รับผู้สูญเสียจากเหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ อุทัยธานี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์  ขณะมหาดไทยพร้อมเยียวยาสูงสุด การเห็นต่างยกเลิก “ทัศนศึกษา” ไม่ใช่มูลเหตุ แต่สาเหตุ คือ คุณภาพรถ มาตรฐานของคนขับรถ และการจัดรูปขบวนในการเดินทาง วันนี้ (2 ต.ค.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวถึงเงินเยียวยาเหตุการณ์นี้ จะช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติอุบัติภัย โดยจะช่วยเรื่องการทำขวัญ โดยสำนักงานประกันภัย ได้รายงานเบื้องต้นว่า จะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ  1 ล้านกว่าบาทต่อราย ตนถามย้ำไปว่าต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก เพราะเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย เราต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยานี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด  นายอนุทิน กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมดไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิต  โดยกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครู และนักเรียน ส่วนกรณีกระทรวงศึกษาธิการ มีข้อถกเถียง เรื่องของการยกเลิกการทัศนศึกษา นายอนุทินระบุว่า  ตนได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อมีเหตุ เมื่อวานก็ได้ยินเยอะ ตนคิดว่าการไปทัศนศึกษา มันไม่ใช่มูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้คือเรื่องมาตรฐานของคนขับรถ มาตรฐานการจัดรูปขบวนในการเดินทาง คุณภาพของรถ อย่างกรณีนี้ เราต้องไปดู เพราะตนเห็นกับตา ทำไมรถบัสคันหนึ่งถังก๊าซเยอะขนาดนี้ ตนนับๆดูเป็น 10 ถัง ก็ต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายเขากำหนดไว้อย่างไร มีถังก๊าซตั้งแต่หน้ารถกลางรถท้ายรถข้างรถ จะเดินทางอะไรกันกะจะแบบไม่ต้องพักต้องผ่อนกันเลยเหรอ โดยมองจากสายตา ที่ตนเคยเป็นวิศวกรคุมงานมาก่อน ตนก็มองว่าควรจะมีแผ่นเหล็ก ที่คอยกั้นไม่ให้ประกายไฟถึงตัว คือจะต้องเซฟตี้มากกว่านี้ เป็นพื้นที่นิรภัย ตนมั่นใจว่ามาตรฐานของกรมขนส่งทางบก ของเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่ารถคันนี้ผ่านการตรวจสภาพมาอย่างไร ตำรวจก็คงจะต้องทำหน้าที่การสืบขยายผล แต่ที่เห็นเมื่อวานถามว่าปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ปลอดภัยแน่นอน “เราทุกคนต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กับลูกหลานของเราอย่างที่บอกการไปทัศนศึกษา เป็นสิ่งที่ดีไม่อย่างนั้นเด็กก็อยู่แต่ในห้องเรียน เห็นทุกอย่างจากรูปไม่เห็นของจริง แต่การจัดรูปแบบทำอย่างไรให้ดีจริงๆก็มีกฏอยู่สามารถที่จะประสานขอรถตำรวจนำได้ รถทางหลวงนำได้ ต้องกำหนดเรื่องของความเร็วเรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถที่จะสามารถคอยให้การช่วยเหลือเด็กๆ และกำหนดจำนวนคนขับรถ อย่างกรณีเมื่อวานก็คือรถหนึ่งคัน คนหนึ่งคน ไม่มีอะไรเลย ไม่มีผู้ช่วยคนขับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่รู้จักรถเลย มีแต่ครูกับนักเรียน พอเกิดเหตุการณ์ คนขับก็วิ่งลงมาดูก่อนไม่มีผู้ช่วยลงมาคอยปลดล็อคเปิดประตูฉุกเฉิน ถีบหน้าต่างเป็นช่องทางฉุกเฉินเลย มันชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด”