ลุงป้อม คืนเงินเดือนสส.

วันที่ 1 ต.ค. 2567 เวลา 15:51 น.

ลุงป้อม แจ้งสภาฯ ไม่ขอรับเงินเดือนสส.และเงินประจำตำแหน่ง และขอคืนเงินที่รับไปก่อนหน้านี้  ไม่กังวลเรื่องที่ถูกตรวจสอบ สบายใจอยู่แล้ว วันนี้ (1 ต.ค.67) ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์  เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ  หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2 ฉบับ แจ้งว่าจะไม่ขอรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และอีกฉบับแจ้งว่าในส่วนของเงินเดือนที่รับไปแล้ว นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะขอคืนกลับมาให้ทั้งหมด หลังจากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการแล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ  แถลงข่าว พลเอกประวิตร มีความประสงค์ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ยังส่งได้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ ขอคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ สส.ทั้งหมดที่ได้รับ ตั้งแต่เป็นสมาชิกภาพจนถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งจำนวนเงินทั้งหมดให้ทราบโดยเร็วเพื่อนำส่งคืนให้ครบถ้วน นายไพบูลย์ กล่าวว่าพลเอกประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ สส.ที่มีภารกิจมาก และอาจต้องลากิจกับสภาฯ บ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้พลเอกประวิตร ยังระบุว่าภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง สส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาฯ ให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่าในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พลเอกประวิตรได้ยื่นหนังสือลาไว้แล้ว เนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก ส่วนกรณีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.เพื่อไทย ที่ร้องสอบพลเอกประวิตร และขอข้อมูลส่วนตัวนั้น ตนเองเกรงว่านายพร้อมพงศ์ จะไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย เพราะการขอข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะข้อมูลการเดินทางจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีประกาศชัดเจนว่าห้ามให้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นไปตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ฉะนั้นอย่าไปขอเลย ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องจะมีปัญหา ผิดทั้งวินัยและอาญา หากนายพร้อมพงศ์ ไม่รู้เรื่องกฎหมายก็ไม่ควรให้คนอื่นทำผิดกฎหมายไปด้วย ทั้งนี้ตนเองได้ให้ทนายความไปแจ้งเอาผิดกับนายพร้อมพงศ์เป็นอีกคดีแล้ว เป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการปฏิรูปว่าด้วยการดักฟัง มีโทษจำคุก 5 ปี ดังนั้นการที่นายพร้อมพงศ์ เคยถูกจำคุกและถูกตัดสิทธิลงสมัคร สส.ถึงปี 2569 ขอให้ระวังดี ๆ ท่านอาจจะถูกตัดสิทธิต่อก็ได้ โดยพลเอกประวิตร ยังเปิดเผยอีกว่าไม่ได้กังวลเรื่องที่ถูกตรวจสอบ สบายใจอยู่แล้ว ให้ตรวจสอบกันไปตามกฎหมาย ตนเองจึงขอให้ผู้ตรวจสอบใช้ความระมัดระวังด้วย ส่วนการดำเนินคดีกับนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ พิธีกรรายการดัง และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท.ทำคำฟ้องคดี และมอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นแล้ว โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. และได้ดำเนินการฟ้องที่ศาลแพ่งเรียบร้อยแล้วเช่นกัน