ทันตแพทย์หญิง ร้องถูกนายแพทย์เจ้าของคลินิกชื่อดังฉีดหน้าเกินกว่าปริมาณที่รับได้ ทำหน้าเบิ้ยวผิดรูป
วันที่ 1 ต.ค. 2567 เวลา 15:11 น.
ทันตแพทย์หญิง ร้องถูกนายแพทย์เจ้าของคลินิกชื่อดังฉีดหน้าเกินกว่าปริมาณที่รับได้ ทำหน้าเบิ้ยวผิดรูป วันนี้ ( 1 ต.ค.67) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตึกหน้า ถนนพหลโยธิน จอมพล จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พร้อมด้วยทนายเจส นายณัฐปกรณ์ สุดชา พาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นทันตแพทย์ พร้อมคุณแม่และพี่สาว เข้าร้อง พงส.บก.ปคบ. ในกรณีที่โดนนายแพทย์เจ้าของคลินิกชื่อดังย่านสยาม ทำการฉีดหน้าด้วยยาที่เกินขนาด ที่ตกลงไว้และเกินขนาดที่ร่างกายจะรับได้ เป็นเหตุให้ใบหน้าทั้ง 3 คนเกิดอาการ บิดเบี้ยว บวม และอักเสบ โดยนายแพทย์คนดังกล่าวได้อวดอ้างว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดหน้า ฉีดสารเติมเต็มใบหน้า ได้รับรางวัลมากมาย ผู้เสียหายทุกท่านจึงหลงเชื่อ แต่ผู้เสียหายมาทราบภายหลังว่า นายแพทย์คนดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สภาการแพทย์รับรองแต่อย่างใด และหลังจากที่มีการฉีดหน้าเกินขนาดแล้วมีการเรียกเก็บเงินผู้เสียหาย 1,020,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายก็มีการจ่ายไปครบถ้วน หลังจากที่ผู้เสียหายทั้ง 3 คนใบหน้าบิดเบี้ยวก็ได้ไปถามสาเหตุและต้องการให้นายแพทย์คนดังกล่าวรับผิดชอบ แต่นายแพทย์ไม่มีการรับผิดชอบแต่อย่างใด พร้อมทั้งอ้างว่ารู้จักคนใหญ่โตในกระทรวงสาธารณสุข ผู้เสียหายไม่สามารถทำอะไรตนได้ และผู้เสียหายมาทราบภายหลังว่านายแพทย์คนดังกล่าว ทำพฤติกรรมแบบนี้มาหลายเคสแล้ว และมีผู้หายที่ได้รับความเสียหายมากกว่า 10 คน แต่ก็ไม่มีใครเอาผิดนายแพทย์คนนี้ได้ ผู้เสียหายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก จึงมาขอความช่วยเหลือจาก จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พร้อมด้วยทนายเจส ได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีต่อไป ผู้เสียหายเปิดเผยว่าตนพร้อมพี่สาวและคุณแม่ได้ไปทำการฉีดฟิลเลอร์ ที่คลนิคแห่งหนึ่งย่านสยามสเตเดี้ยม 1 ฉีด 3 คนรวมแล้ว 80 หลอด คุณแม่ตกลง 30 หลอดแต่ฉีดไป 37 หลอด จนแม่บอกให้พอเพราะเจ็บมาก ตนตกลงไว้ 15 หลอดแต่หมอฉีดเพิ่มเข้าไปอีก 7 หลอดรวมเป็น 22 หลอด ส่วนพี่สาวตกลงฉีด 21 หลอด แต่หมอฉีดอัดเพิ่มไปอีก 7 หลอดรวมเป็น 28 หลอด ก่อนโดนเรียกเก็บเงินไปรวม 1 ล้านเศษ หลังจากทำผ่านไป 1 เดือนปรากฎใบหน้าผิดรูป บิดเบี้ยว หน้าไม่เท่ากัน สร้างความเสียหายแก่สภาพจิตใจและร่ายกายเป็นอย่างมากทั้งครอบครัว เพราะมีผลต่อหน้าที่การงาน จนไม่สามารถออกไปปะผู้คนหรือคนไข้ หลังเกิดเหตุตนได้ไปตรวจสอบพบว่า แพทย์คนที่ทำการรักษานั้นไม่ใช่แพทย์ด้านผิวหนัง ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตามที่แอบอ้างไว้ในเว็บไซต์ของคลินิค ว่าเขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ฟื้นฟูชะลอวัย สร้างความเข้าใจผิดให้ตนและครอบครัวหลงเชื่อไปรักษาที่คลินิคแห่งนี้ จนเกิดความเสียหายแก่ใบหน้า ร่างกายและจิตใจ ทำให้ตนต้องไปรักษากับอาจารย์แพทย์คลินิคเอกชนอื่น ขณะนี้เสียค่าใช้จ่ายไปอีกหลักหมื่นบาท ยังไม่รู้ว่าใบหน้าจะกลับเป็นปกติเมื่อใด ตนขอฝากไปถึงหน่ายงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือแพทยสภา ทราบมาว่ามีผู้เสียหายที่ไปรักษากับคลีนิคแห่งนี้ได้ร้องเรียนตัวหมอและคลินิคแห่งนี้จำนวนม่กแต่เรื่องกลับเงียบไม่มีการดำเนินการใดๆ รวมทั้ง สคบ.ก็มีการไปร้องเรียนหมอและคลินิคนี้จำนวนมาก แต่ทำไมแพทย์รายนี้ยังคงประกอบวิชาชีพแห่งนี้ได้อยู่ปกติ โดยรายได้ปีหนึ่งๆหลายล้านบาท แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยให้แพทย์รายนี้ออกมาหลอกลวงผู้บริโภคอยู่ ตนฝากร้องเรียนไปถึงท่าน รมว.สาธารณสุขให้ช่วยลงมาดูแลในเรื่องนี้ด้วย ด้านทนายเจส กล่าวว่า ตนพาคุณหมอท่านนี้มาร้อง ปคบ.หลังเข้าไปใช้บริการคลีนิคชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยผู้เสียหายดูจากรีวิวเห็นแพทย์คลีนิคแห่งนี้แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ เมื่อทำแล้วไม่ตรงกับที่คุยกันไว้ โดสที่ทำการฉีดใบหน้ามีจำนวนมากกว่าที่แจ้งไว้แต่แรก ฉีดเพิ่มโดยไม่แจ้งคนไข้ก่อน แล้วมาเรียกเก็บเงินเพิ่มภายหลัง มีหลักฐานการโอนเงินหลักล้านบาท ที่นำมาให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบด้วย ผลที่ได้หลังจากฉีดฯ ทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยวทั้งสามคน เมื่อไปติดต่อให้เยียวยาก็รับปากแต่ไม่ทำ ไม่มีค่าใช้จ่ายคืนแต่อย่างใด ทราบว่ามีผู้ใช้บริการร้องเรียนคลีนิคแห่งนี้จำนวนมาก ถ้าต้องการให้เพจจ่าคิงส์ช่วยก็ติดต่อมาได้ จะได้เอาหมอรายนี้มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.รับแจ้งความไว้เพื่อทำการตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมายต่อไป