แม่สุดเศร้า! เพิ่งได้เงินหมื่นจากรัฐบาล ยังไม่ทันได้ใช้ลูกชายมาขอไปเกลี้ยง
วันที่ 1 ต.ค. 2567 เวลา 14:24 น.
แม่วัย 74 ปี เพิ่งรับเงิน 10,000 บาท จากโครงการของรัฐบาล ยังไม่ทันใช้ ถูกลูกชายมาขอไม่พอใจแม่ให้น้อยคว้าจอบทุบผนังบ้านพัง สุดท้ายควักเงินให้จนเกลี้ยงกระเป๋า แต่ก็เอาบัตรประชาชนกับบัตร ATM ไป วันที่ (1 ต.ค. 67) นายอภิเชษฐ์ เชษฐนอก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านซับตะเคียน ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งลูกบ้านถูกลูกชายบุกมาขู่ขอเงินพ่อ-แม่ หลังรู้ว่าพ่อกับแม่ได้เงิน 10,000 บาท จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ของรัฐบาล โดยอ้างว่า จะนำไปซ่อมแซมบ้านให้แต่เมื่อไม่ได้เงินตามที่ขอ จึงเอาจอบทุบฝาผนังบ้านจนพัง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม นายสนธิ สัตยารัตน์ สมาชิก อบต.ลาดบัวขาว ณ บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว โดยพบกับ นางสมพร อายุ 74 ปี เจ้าของบ้าน ส่วนสามีเป็นผู้พิการนอนอยู่ในบ้าน จาการสอบถาม นางสมพร เล่าว่า ตนอยู่กับสามีที่บ้านหลังนี้ซึ่งสภาพเก่าแล้ว ตนเป็นผู้มีรายได้น้อย มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนสามีมีบัตรผู้พิการ จึงได้สิทธิ์รับเงิน 10,000 บาท ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ของรัฐบาล โดยตนมีลูกด้วยกันกับสามีคนแรก 4 คน เป็นชาย 2 และหญิง 2 คน ต่างมีครอบครัวและแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด ซึ่งนายสาธิต อายุ 37 ปี ลูกชายคนที่ 2 มีเมียและไปทำงานอยู่แถว จ.สระบุรี แต่เมื่อได้ยินข่าวว่าพ่อเลี้ยงกับแม่ได้เงินก็มาหาที่บ้าน และขอเงิน 10,000 บาท จากตนและสามี แต่ตนให้ไปเพียง 4,000 บาท และบอกว่าให้ได้แค่นี้เพราะต้องเอาไว้ใช้ แต่ลูกชายจะขอเงินเพิ่มอีก ตนไม่ให้ จึงอารมณ์เสีย เดินไปเอาจอบที่วางอยู่ข้างหลังบ้าน มาทุบผนังบ้านและหน้าต่างจนพังเสียหาย ตนจึงหยิบเงินให้ลูกชายไปอีกจนหมดกระเป๋า ส่วนลูกชายพอได้เงินเสร็จก็หยิบเอาบัตรประชาชนและบัตรเอทีเอ็มของตนและพ่อเลี้ยงไปด้วย ก่อนจะบอกว่าวันเสาร์นี้จะมาทำบ้านให้ใหม่ นอกจากนี้ นางสมพร เล่าว่า ลูกชายคนนี้เป็นคนดีไม่กินเหล้าเมายา แต่เป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อลูกชายเอาเงินไปหมด ตนยังยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย เนื่องจากตนและสามีทำงานไม่ได้ แต่ละเดือนได้รับเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการเท่านั้น ทั้งนี้ นางสมพรกำลังพยายามติดต่อลูกชายให้นำบัตรประจำตัวประชาชนกับบัตรเอทีเอ็มของตนและสามีมาคืน เพราะเงิน 10,000 บาท ของสามียังไม่ได้กดออกมาใช้ เกรงว่าลูกชายจะกดเงินออกไปจนหมด ขณะที่ทางผู้นำหมู่บ้านจะหารือกับคณะกรรมการหมู่บ้านอีกทีว่าจะมีช่องทางในการให้ความช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง