ธ.ก.ส. จัดมาตรการพักชำระหนี้ช่วยลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 2

วันที่ 28 ก.ย. 2567 เวลา 15:27 น.

วันนี้ (28 ก.ย. 67) นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เดินหน้ามาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อย ในระยะที่ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ (24 ก.ย.67) ที่ผ่านมา เพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ที่ยังไม่ฟื้นตัวและบรรเทาภาระด้านหนี้สินให้แก่ลูกหนี้ โดยผลการดำเนินงานมาตรการฯ ในระยะที่ 1 มีผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ทั้งสิ้น 1.41 ล้านราย ต้นเงินคงเป็นหนี้ 210,191 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส. เปิดรับแจ้งความประสงค์ในการเข้าร่วมมาตรการฯ ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67 - 31 ม.ค. 68 เพียงนำบัตรประชาชนมาใช้ในการยืนยันตัวตน ได้ที่ ธ.ก.ส.สาขาที่ใช้บริการ เพื่อให้พนักงานตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงสอบทานข้อมูลและประเมินศักยภาพการชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข จะได้รับการพักชำระหนี้ในระยะที่ 2 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 - 30 ก.ย. 68 โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอและสามารถชำระหนี้ได้ โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ภายใต้แนวทาง "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นแบบทำน้อยได้มาก ทำผลผลิตให้มีคุณภาพสูงให้สามารถจำหน่ายได้ในตลาดที่มีมูลค่าสูง ยกระดับการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ด้วยการปลูกพืชระยะสั้น พืชหลังนา สัตว์โตไวที่มีมูลค่าสูง การพัฒนาอาชีพเดิม โดยการเพิ่มผลผลิต ลดความสูญเสีย ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มมาตรฐาน ซึ่งผลการดำเนินงานในระยะที่ 1 มีลูกค้าที่ผ่านการอบรมแล้ว จำนวน 290,648 ราย จากเป้าหมาย 300,000 ราย คิดเป็น 96.88% โดย ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ไปแล้ว จำนวน 10,754 ราย เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรสามารถนำเงินทุนไปใช้ลงทุนปรับเปลี่ยนการผลิต หรือขยายการประกอบอาชีพ และฟื้นฟูศักยภาพตนเอง เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการนำความรู้ที่ได้จากการอบรมมาสร้างรายได้ เพื่อให้ลูกหนี้มีศักยภาพ และความสามารถในการชำระหนี้หลังสิ้นสุดมาตรการ อันนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้และช่วยให้เกษตรกรสามารถหลุดพ้นกับดักหนี้ได้อย่างยั่งยืน