โอละพ่อ กดเงินหมื่นบาท ได้แค่ 4,000 บาท

วันที่ 26 ก.ย. 2567 เวลา 06:19 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - วานนี้ เงิน 1 หมื่นบาท ในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเป็นกลุ่มแรก ก็เรียกว่ามีทั้งมุมโอละพ่อ ดรามา และความชื่นชมเกิดขึ้นทั่วไทย ขณะที่ "นายกฯ แพทองธาร" ก็หวังว่าเงินก้อนนี้จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนไทย "มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี" รวมทั้งยังมีความคืบหน้าของการได้รับเงินในเฟสที่ 2 โอละพ่อ กดเงินหมื่นบาท ได้แค่ 4,000 บาท เริ่มที่ชาวบ้านในจังหวัดอุทัยธานี เรียกว่าแห่กันไปกดเงิน 1 หมื่นบาท กันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง แต่ในจำนวนนี้มีหญิงคนหนึ่งไปกดเงินก้อนนี้แทนพ่อ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ แต่กลับกดเงินได้แค่ 4,000 บาท ทั้ง ๆ ที่เห็นยอดเข้ามาเต็มจำนวน คาดธนาคารอาจหักไว้ชำระหนี้ที่พ่อมีกับธนาคาร จึงไม่พอใจที่ถูกหักเงินส่วนนี้ไปทั้ง ๆ ที่รัฐบาลให้ไว้ใช้จ่าย รู้แบบนี้ก็น่าตกใจ เพราะเงินนี้รัฐบาลก็เคยประสานแจ้งไว้แล้วไม่ให้ธนาคารหักนำไปทำอย่างอื่น ทีมข่าวก็ตรวจสอบเพิ่มกับธนาคารที่ถูกพาดพิง (ธ.ก.ส.) ได้ข้อเท็จจริงว่า พ่อของหญิงคนดังกล่าวแจ้งธนาคารไว้ให้ตั้งยอดขั้นต่ำในการกดเงินอยู่ที่ 4,000 บาทต่อวัน พอลูกสาวกดเงินจึงกดเงินได้แค่นี้ และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย เข้าใจก็จบความโอละพ่อไปหนึ่งกรณี รับ 10,000 บาท ยังทุกข์น้ำท่วมตั้งหลักไม่ได้ ทีนี้ยังอยู่ในภาคเหนือต่อ แต่มาดูมุมที่ยิ้มกว้างได้ไม่มากเท่าไหร่ อย่างชาวบ้านกลุ่มเปราะบางในพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย ที่กุมขมับไม่รู้จะใช้เงินซื้ออะไรก่อนหลัง เพราะบ้านก็ยังจมโคลน ของใช้ไม้สอย เครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้าน ก็ไปกับกระแสน้ำหมด พอได้เงินก้อนนี้ก็อยากร้องไห้ เพราะเสมือนได้ "ทุกขลาภ" ดีใจไม่ทันข้ามวัน เงินหมื่นบาทหมด ไม่พอรักษาแม่ป่วย มาที่ภาคอีสานกันบ้าง ผู้พิการ อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ คนนี้ ก็ดีใจได้ไม่ทันข้ามวัน ที่ตนและแม่ได้รับเงินกันคนละ 10,000 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ยังไม่พอกับค่ารักษาโรคหัวใจของแม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 36,000 บาท จึงยังต้องตระเวนออกขายลอตเตอรี่ เพื่อหาเงินมาเติมให้เพียงพอ คราวนี้มาดูฝั่งรัฐบาล ซึ่งอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ ระหว่างที่ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน Kick Off กดโอนเงินแล้ว ก็ยังได้วิดีโอคอลคุยกับผู้ได้รับเงินนี้จากจังหวัดต่าง ๆ  เขาจะรู้สึกอย่างไร ท่าทีนายกฯ พอใจหรือไม่ ก็เรียกว่า ชื่นมื่น..ชื่นใจกันทั้งฝั่งผู้ให้ และผู้รับ โดย นายกฯ แพทองธาร ก็ยังย้ำด้วยว่า เงินในรอบนี้จะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 140,000 ล้านบาท สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกแรกที่ทำให้คนไทยได้ประโยชน์ และต่อยอดคุณภาพชีวิต มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ทีนี้สรุปกันสักนิดกับการโอนเงิน 10,000 บาท วันแรก (25 ก.ย.) ก็โอนเงินให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 0 และผู้พิการไปแล้วกว่า 3,160,000 คน แต่ในจำนวนนี้ มีประมาณ 90,000 คน ตกหล่นมีสถานะต้องแก้ไข เร่งตรวจชื่อ รับเงิน 10,000 บาท  ซึ่ง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ที่ไปร่วมพิธีกับนายกฯ) ก็ย้ำเตือนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้เร่งผูกพร้อมเพย์ ส่วนผู้พิการ หากไม่สามารถรับเงินได้ ให้แจ้งปัญหาที่ว่าการอำเภอตามภูมิลำเนาของตนเองเพื่อรอรับเงินในรอบถัดไป หรือจะตรวจสอบสิทธิของตัวเองซึ่งทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ หากไม่พบชื่อ หมายความว่า ยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่จะรับเงิน ให้รอรอบถัดไป จุลพันธ์ เผยเฟส 2 อาจลดเงินเหลือ 5,000 บาท นายจุลพันธ์ ยังเผยความคืบหน้าถึงเฟส 2 ด้วยว่า ยอดรับสิทธิจะมี 26 ล้านคน ซึ่งอาจปรับลดวงเงินเหลือ 5,000 บาทต่อคน เพราะต้องนำงบประมาณไปกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ด้วย วันนี้ (26 ก.ย.) รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง ก็จะยังมีการโอนเงินให้กับผู้พิการ และกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 1-3 และจริง ๆ วานนี้ กลุ่มแรก ที่รับเงินหมื่นไป ก็ยังมีมุมน่าเห็นใจ ที่เงินผ่านมือไม่ถึง 5 นาที ก็ไปอยู่ในมือเจ้าหนี้ที่มารอรับ หรือบางคนก็ยังมีมุมนำเงินนี้ ไปต่อยอดสร้างอาชีพ ไว้ติดตามได้ในสนามข่าว 7 สี