ถอนร่างกฎหมาย "ห้ามตีเด็ก" หลัง สส. ท้วงติงหนัก ใช้ถ้อยคำกำกวม หลักการไม่ชัดเจน อาจมีปัญหาตีความวุ่น

วันที่ 25 ก.ย. 2567 เวลา 16:48 น.

กมธ.ร่างกฎหมาย “ห้ามตีเด็ก” ถอนร่างกลับไปพิจารณาใหม่ หลัง สส. เห็นต่างค้านเนื้อหายัง คลุมเครือ ไม่ชัดเจน อาจมีปัญหาตีความวุ่น วันนี้ (25ก.ย.67) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาวาระสำคัญร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ ร่างกฎหมายห้ามตีเด็ก ในวาระที่ 2 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาแล้วเสร็จ โดยมีทั้งสิ้น 3 มาตรา แต่มีการแก้ไขเพียงมาตราเดียว โดยบัญญัติว่า การทำโทษบุตร เพื่อสั่งสอน หรือปรับพฤติกรรม ต้องไม่เป็นการกระทำด้วยความรุนแรงต่อร่างกาย จิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือกระทำการอื่นใดโดยมิชอบ อันเป็นการลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุตร ก่อนที่ สส. จะลุกขึ้นอภิปรายหลายคน เช่น นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ พรรคเพื่อไทย เห็นว่า การทำโทษลูก เพราะพ่อแม่รักลูก หากลูกดื้อ เกเร ตีไม่ได้ จะแก้ปัญหาอย่างไร บางคนไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก ต้องฝากตายายเลี้ยง ซึ่งหากกฎหมายฉบับนี้ มีผลใช้บังคับ ก็ไม่สามารถอบรมบุตรหลายที่แตกแถวได้ รวมถึงครูอาจารย์ที่จะสั่งสอนเด็ก ก็ไม่สามารถทำได้ นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย เห็นว่า เนื้อหาในร่างกฎหมายยังเป็นปัญหา โดยเฉพาะท่อนที่บัญญัติว่า “อันเป็นการลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุตร” ซึ่งอาจกระทบต่อความมาตรฐานเชื่อมั่นของประชาชนต่อการตัดสินของศาล เพราะเป็นคำที่คลุมเครือ และใครจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และจะเป็นปัญหาในการบังคับใช้ต่อไป พร้อมยกตัวอย่าง คำพูดปกติของคนในภาคอีสาน แต่รุนแรงในภาคกลาง หรือบางคำที่คนใต้พูดตามปกติในท้องถิ่น แต่กลับรุนแรงมากในภาคกลาง ดังนั้น จะต้องใช้ดุลยพินิจอย่างไร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เห็นว่า ตามหลักการที่สภาฯ รับหลักการในวาระแรก และเนื้อหาในหลักการนั้น ขัดกัน ซึ่งหากสภาไม่เห็นชอบกันการแก้ไขของกรรมาธิการฯ ก็มี 3 ทางเลือก คือ สภาคว่ำร่าง หรือกรรมาธิการฯ ถอนกลับไปแก้ไขให้เหมือนที่สภาฯ รับหลักการมา  หรือ กรรมาธิการฯ ถอนกลับไปแก้ไขทั้งหมด โดยนำข้อสังเกตของ สส.ในการอภิปรายไปปรับปรุงให้กฎหมายมีความชัดเจน ก่อนท้ายที่สุด กรรมาธิการฯ จะเห็นพ้องว่า ขอถอนร่างกลับไปพิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้ง โดยไม่มี สส.คนใดคัดค้าน