เศร้าที่ดินมรกดกถูกขายทอดตลาด ทั้งที่ใช้หนี้ธนาคารไปหมดแล้ว

วันที่ 25 ก.ย. 2567 เวลา 14:47 น.

ยายวัย 66 สุดเศร้าที่ดินมรกดกถูกขายทอดตลาด ทั้งที่ใช้หนี้เงินกู้ธนาคารไปจนหมดแล้ว ตั้งแต่ก่อนขายทอดตลาดนัดแรก วันนี้ (25 ก.ย.67) นางสมใจ อายุ 66 ปี ร้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพัทลุง เนื่องจากถูกธนาคารฟ้องบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดิน เนื้อที่ 1 ไร่ 37 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินมรดกตกทอดมาจากพ่อ ทั้งที่ชำระหนี้ให้ธนาคารไปหมดแล้ว นางสมใจ บอกว่า กู้เงินจากธนาคาร ครั้งแรก 50,000 บาท โดยมีการกู้ร่วมกับเพื่อนบ้านรวม 3 คน คนละ 5 หมื่นบาท เมื่อชำระหนี้หมดแล้ว ในปี 2555 ธนาคารให้กู้รอบใหม่ 50,000 บาท แต่รอบนี้มีปัญหาขาดส่ง เพราะติดช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้ถูกธนาคารฟ้อง จากนั้นได้เข้าไปไกล่เกลี่ยกับธนาคาร เพื่อปรับโครงสร้างหนี้และผ่อนชำระต่อ จนยอดหนี้คงเหลือกว่าหมื่นบาท ก็ยังมีปัญหาเรื่องการขาดส่งอีก ทำให้ธนาคารบังคับคดีขายทอดตลาด มีกำหนดขาย 6 ครั้ง เริ่มต้นในวันที่ 18 ก.ค.67 สิ้นสุดครั้งสุดท้าย วันที่ 31 ต.ค.67 นางสมใจ บอกว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.67) ได้นำเงินไปจ่ายยอดคงค้างกับธนาคาร วงเงิน 10,206 บาท ก่อนกำหนดการขายทอดตลาด งวดแรก และประสานให้ทางธนาคารแจ้งระงับการขายทอดตลาด แต่ที่ดินมรดก เนื้อที่ 1 ไร่ 37 ตารางวา ถูกขายไป ในวันที่ 8 ส.ค.67 ซึ่งเป็นกำหนดขายทอดตลาดครั้งที่ 2 หลังทราบว่าที่ดินถูกขายทอดตลาด จึงประสานทางธนาคารเพื่อร้องขอความเป็นธรรม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อเพราะไม่ต้องการสูญเสียที่ดินมรดกตกทอด ด้านนายชุมพล อายุ 70 ปี สามีของนางสมใจ บอกว่า ทราบข่าวที่ดินถูกขายหลังมีชาวบ้านโทร.มาบอกว่า มีคนเอารถแบ็กโฮเข้าไปปรับพื้นที่ ทางครอบครัวตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะหนี้สินก็ชำระไปทั้งหมดแล้ว นายธนันชัย รามด้วง ทนายความ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินของลูกหนี้มีราคาตามท้องตลาดสูงกว่ามูลหนี้มาก กรณีดังกล่าวถือเป็นความผิดพลาดของทางธนาคารที่ไม่ระงับการขาย ทั้งที่ไม่มีหนี้แล้ว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารได้ไปดูแลการขายด้วยตนเอง ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทางครอบครัวของนางสมใจ จึงขอให้ฟ้องร้องเรียกที่ดินกลับคืน ล่าสุด สื่อมวลชนได้ประสานไปทางธนาคารเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ยังคงได้รับการปฏิเสธจากทางธนาคาร สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าว ทราบว่ามีคนไปซื้อจากการขายทอดตลาดบังคับคดี ในวงเงิน 87,000 บาท และ ได้มีการขายต่อไปให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมีที่ดินติดกับที่ดินแปลงดังกล่าว ในราคาหลักแสนบาท