สืบนครบาล รวบ “พลอย” ดาวติ๊กต็อก ฉกเอาทรัพย์อดีตแฟน ก่อนหนีไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 22 ก.ย. 2567 เวลา 11:15 น.

สืบนครบาล รวบ “พลอย” ดาวติ๊กต็อก สาวสวยหน้าตาดี ที่แอบย่องเข้าไปฉกเอาทรัพย์สินในบ้านอดีตแฟนหนุ่มมูลค่ากว่า 330,000 บาท ก่อนหนีไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซ้ำร้ายยังถูกบอสชาวไทยบีบบังคับให้เป็นเมียน้อย           เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 67 ตำรวจ สืบนครบาล จับกุม น.ส.พลอยณภัทร หรือพลอย อายุ 21ปี ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ , ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์" โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว น.ส.พลอยณภัทรฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เธอประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากติดพนันออนไลน์ และไม่สามารถยืมเงินของนายต่อ (แฟนหนุ่ม) ได้ เนื่องจากตอนนั้นนายต่อ อยู่ที่ปอยเปต กำลังเข้าไปเปิดบัญชีม้าและคอยแสกนหน้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพอยู่ ตนจึงตัดสินใจเข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านของแฟนหนุ่ม ตามที่เห็นจากภาพกล้องวงจรปิด โดยได้ทรัพย์สินไปประมาณ 60,000 บาท จากนั้นได้หลบหนีโดยติดต่อไปที่ Tiktok หนึ่งซึ่งเป็นที่รับสมัครไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีรายละเอียดว่าหากไปทำงานกับเค้าจะได้เงินเดือนๆละ 25,000 บาท และยังมีเงินพิเศษรายวันหากทำยอดหลอกลวงแตะตามเป้าหมายที่วางไว้ เริ่มต้น 5% ของเงินที่หลอกได้/รายวัน , 7% ของเงินที่หลอกได้/รายเดือน   โดยมีเงินขั้นต่ำ 50,000 – 100,000 บาท แต่หากทั้งเดือนหลอกได้ไม่ถึง 50,000 บาท จะไม่ได้รับเงินเดือนเลย ตนเห็นรายละเอียดแล้วสนใจจึงตัดสินใจข้ามไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยข้ามประเทศด้วยการใช้เส้นทางธรรมชาติ เมื่อข้ามไปถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้มีคนมารับพาไปและเข้าทำงานที่ชั้น 12 ของอาคาร 25 ชั้น โดยจะทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์รูปแบบหลอกให้รักแล้วชวนทำภารกิจดันสินค้าซึ่งไม่มีจริง โดยหัวหน้าจะให้สร้างโปรไฟล์ facebook และ ไลน์ตีสนิทกับเหยื่อก่อนประมาณ 15 วัน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วก็จะค่อยๆ ชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ซึ่งไลน์อวตาลอีก 4 ตัว เป็นหน้าม้าและมีการทำสลิปโอนเงินปลอมเพื่อล่อใจเหยื่อให้ทำภารกิจดันสินค้านี้ โดยระหว่างที่อยู่ที่แรกนี้มีเหยื่อที่หลงเชื่อและเริ่มคุยกับตนแล้วประมาณ 10 คน ซึ่งหลังจากตนอยู่ที่ตึก 25 ชั้นนี้ได้เพียง 1 สัปดาห์ คดีของตนก็เกิดเป็นข่าวขึ้นทำให้บอสชาวจีนได้ย้ายตนไปหลบอยู่อีกออฟฟิศหนึ่งทันที ซึ่งเป็นตึก 4 ชั้นในซอยวัดใหม่ โดยเมื่อทำงานที่นี่เป็นรูปแบบการหลอกลวงลักษณะเดียวกับที่แรก แต่เปลี่ยนตัวสินค้าที่ให้เหยื่อทำภารกิจ โดยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 นี้ ตนใช้ facebook อวตาร ชื่อ “ก้อย” แค่ตัวเดียว ได้ลูกค้าที่พูดคุยด้วยประมาณ 20 กว่าคน และมีผู้หลงเชื่อให้หลอกจำนวน 1 คน เป็นเงิน 25,000 บาท แต่ตนเห็นคนเก่งๆ ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ สามารถหลอกลวงพยาบาลสาวได้เป็นเงิน 5,000,000 บาท ตนจึงพยายามตั้งใจทำงานมากขึ้นหวังจะได้เงินเยอะๆ แต่เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งก็ประสบปัญหา โดย Boss ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ที่เป็นชาวไทยชื่อว่า “แสบ” ได้เข้ามาตีสนิทและบีบบังคับให้ตนเองเป็นเมียน้อย โดยจะให้เงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ตนได้ปฏิเสธจึงถูกไล่ออกทันที ซึ่งหลังถูกไล่ออกตนก็ได้ไปเข้าทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ซึ่งเรียกกันว่า หลังบ่อตกปลา โดยการหลอกจะเป็นรูปคล้ายเดิม คือหลอกให้รักแล้วชวนลงทุนเทรดหุ้นในเพลตฟอร์มเก๊ ซึ่งท้ายสุดเหยื่อจะถอนเงินออกไม่ได้ ซึ่งทำงานได้เพียง 3 วัน นายต่อแฟนที่เป็นคู่กรณีก็ได้ทักมาบอกว่าสารวัตรแจ๊ะจะไปตามจับให้หลบหนี ซึ่งถัดมาเพียง 2 วัน ก็มีตำรวจมาจับกุมตนจริงๆ ระหว่างเดินทางไปทำงาน โดยช่วงชีวิตที่ผ่านมา2 เดือนนี้ตนรู้สึกได้ว่าถลำลึกไปมาก โดยตอนแรกคิดเพียงว่าจะไปหาเงินสักก้อนหนึ่งเพื่อนำกลับมาชดใช้ไม่คิดว่าชีวิตจะถลำลึกถึงเพียงนี้ อยากให้ชีวิตตนเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม ส่วนปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นตนคิดว่าคงแก้ไม่ได้ เพราะรายได้ดี อย่างไรก็ล่อตาล่อใจให้คนมาทำได้ง่ายๆ”