เปิดข้อพิรุธ ผู้ต้องหาหลบหนีจากห้องขัง

วันที่ 20 ก.ย. 2567 เวลา 11:24 น.

ห้องข่าวภาคเที่ยง - เหตุการณ์ที่มีคนร้ายออกอุบายจนหลบหนีห้องขังได้สำเร็จ ถ้าเอารายละเอียดมาเรียงดู จะเห็นข้อพิรุธหลายเรื่องด้วยกัน เริ่มจากชมภาพวงจรปิด ขณะเกิดเหตุจะเห็นว่าก่อนเกิดเหตุ ร้อยตำรวจตรี รุ้งระวี ที่ดูแลควบคุมผู้ต้องหา เปิดประตูห้องขังยืนคุยกับผู้ต้องหาแบบประชิดตัว ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเข้าไปล็อกคอ และเหวี่ยงตำรวจเข้าไปอยู่ในห้องขังแทน จุดนี้มีเรื่องชวนให้ตั้งข้อสังเกตอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเหตุที่ตำรวจต้องเปิดประตู เพื่อส่งโทรศัพท์มือถือให้ผู้ต้องหายืม ทั้งที่มีช่องส่งของด้านข้าง รวมถึงช่วงที่ชุลมุนต่อสู้ขัดขืน ที่ดูเหมือนตำรวจมีกำลังไม่มากพอต่อสู้ได้ เพราะมีอายุ 54 ปี จุดสังเกตต่อมาเป็นเรื่องที่ก่อนจะเกิดเหตุ มีข้อมูลว่า มีชายอายุ 27 ปี นำของใช้ทั่วไป ไปฝากให้ผู้ต้องหา ทั้งที่เวลานั้นเลยเวลาเข้าเยี่ยมไปแล้ว จึงฝากของไว้กับ ร้อยตำรวจตรี รุ้งระวี ก่อนจะนำไปมอบให้ นายอ้น และ นายนิพนธ์ ภายหลัง จากนั้น เวลา 01.27 น. หลังผู้ต้องหาหลบหนีออกจากห้องขังได้แล้ว ก็วิ่งไปขึ้นรถสีแดงของชาย อายุ 27 ปี คนที่เอาของใช้ไปฝาก ที่ยังจอดรถอยู่ที่หน้า สน. ก่อนพากันหลบหนีไป อีกประเด็นที่น่าสนใจ พบข้อมูลว่าในบันทึกที่มีการรายงานผู้บังคับบัญชา กับข้อมูลที่ผู้สื่อข่าวไปลงพื้นที่มาเมื่อวานนี้ มีรายละเอียดบางอย่างไม่เหมือนกัน ในรายงานบอกว่าหลัง ร้อยตำรวจตรี รุ้งระวี เห็นสัญญาณมือผู้ต้องหาผ่านกล้องวงจรปิดจึงไปสอบถาม ผู้ต้องหาบอกว่า ขอยากันยุง แต่ข้อเท็จจริงที่ทีมข่าวพบ ผู้ต้องหาอ้างว่า ปวดท้อง ไม่สบาย เหมือนเป็นกรดไหลย้อน ก่อนขอยืมโทรศัพท์ตำรวจโทรหาภรรยา ให้เอายามาให้ ซึ่งข้อสังเกตทั้งหมด ต้องรอผลการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (ผบก.น.1 สั่งตั้ง) ว่าเป็นความประมาท หรือ เกิดบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ จึงจะสามารถสรุปได้ว่า คดีนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นหรือช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีคดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามสำหรับ "อ้น" และ "นิพนธ์" หลังจากที่ตำรวจคุมตัวกลับมาสอบสวน ที่ สน.พญาไท ได้นำตัวไปส่งให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดดำเนินคดี และพาตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ในเช้าวันนี้ (20 ก.ย.)  ส่วนคนที่ให้การช่วยเหลือพาผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลบหนีเบื้องต้นพบว่า มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดจริง ชุดสืบสวนกำลังกดดันให้เข้ามอบตัวอยู่ในขณะนี้