หนุ่มหนีคดีพรากผู้เยาว์ แอบพาเด็กวัย 14 ไปอยู่กินที่ชุมพร พี่สาวรู้เรื่องแจ้งความจับ

วันที่ 8 ก.ย. 2567 เวลา 19:58 น.

กองปราบ รวบหนุ่มหนีคดีพรากผู้เยาว์ แอบพาเด็กวัย 14 จากนครศรีธรรมราชไปอยู่กินที่ชุมพร พี่สาวรู้เรื่องแจ้งความจับ เจ้าตัวรับสารภาพ อ้างเคยคบหากับผู้เสียหาย และไม่ได้บังคับขู่เข็ญ วันนี้ (8 ก.ย.67) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการพ.ต.ท.กิติภูมิ  ศรีแผ้ว สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายสมหวัง อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 91/2559 ลงวันที่ 24 มี.ค.59 โดยกล่าวหาว่า “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารขัดขืนได้, พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเพื่ออนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, หน่วงเหนี่ยว หรือ กักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด้ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายโดยปราศจากเหตุอันสมควร, พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร” จับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ม.6 ต.ท่าอุแท อ.กาษจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ.2559 นายสมหวัง ได้รู้จักกับผู้เสียหายซึ่งขณะนั้นอายุ 14 ปี จากนั้นผู้ต้องหาได้ติดต่อมาพูดคุยกับผู้เสียหาย โดยแจ้งให้ผู้เสียหายมาพบที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลใน จ.นครศรีธรรมราช ก่อนจะพาผู้เสียหายขึ้นรถจักรยานยนต์ออกไป ภายหลังเมื่อพี่สาวและญาติของผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อกับผู้เสียหายได้ จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยดำเนินการติดตามตัวผู้เสียหาย กระทั่งผู้เสียหายหายตัวไป 4 วัน ก็ได้ติดต่อกลับมาหาพี่สาว โดยแจ้งให้ทราบว่าผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่โรงพยาบาลและพาผู้เสียหายไปที่บ้านพักของผู้ต้องหาใน จ.ชุมพร โดยผู้ต้องหาได้กระทำอนาจารผู้เสียหาย ก่อนจะพากลับมาส่งที่บริเวณโรงพยาบาลเช่นเดิม เมื่อพี่สาวของผู้เสียหายทราบเรื่องดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. สืบทราบว่า นายสมหวัง ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่บริเวณ ม.6 ต.ท่าอุแท อ.กาษจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำกำลังเข้าจับกุม เบื้องต้นสอบคำให้การผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนเองเคยคบหากับผู้เสียหาย และกระทำไปโดยไม่ได้บังคับขู่เข็ญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขนอม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป