หนุ่มเบญจเพส โดนเพื่อนบ้านป่วยจิตกระหน่ำแทงดับ
วันที่ 7 ก.ย. 2567 เวลา 15:55 น.
หนุ่มเบญจเพสทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านซึ่งเป็นผู้ป่วยจิต ก่อนโดนกระหน่ำแทงจนเสียชีวิตจมกองเลือด ช่วงเช้าที่ผ่านมา (7 ก.ย.67) ร.ต.ท.ธนวัฒน์ รวมเมฆ รอง สว.สอบสวน สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุ ชายถูกแทงเสียชีวิต ที่แฟลตแห่งหนึ่ง ใน ซ.ประชาสงเคราะห์ 39 แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร จึงรุดเข้าไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบร่าง นายนาวิน ผู้ตาย อายุ 25 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือด ไม่ใส่เสื้อ ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายน้อย อายุ 42 ปี อยู่แฟลตชั้นเดียวกับผู้ตาย เป็นชายสติไม่ดี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปในซอยประชาสงเคราะห์ 47 ตำรวจจึงไปจับกุม ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อสอบถามว่าทำไมจึงลงมือเเทงผู้ตาย ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ผู้ตายได้ใช้ไม้เบสบอลตีที่ประตูหน้าห้องของตนหลายรอบแล้ว จึงได้มีการออกไปทะเลาะวิวาทและต่อสู้กัน จึงใช้มีดเเทงไป 2-3 ครั้ง นอกจากนี้ยังทราบว่านายฉัตรชัยมีประวัติเคยเสพยาเสพติด จนป่วยเป็นจิตเวชต้องเข้ารับการรักษา จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบไม้เบสบอลของผู้ตายอยู่ที่ระเบียงแฟลตที่เกิดเหตุ พบอาวุธมีดและท่อนเหล็ก ของผู้ก่อเหตุอยู่ภายในห้องของผู้ก่อเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม่ค้าขายข้าวแกง ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะที่ตนเองกำลังจัดเตรียมร้านข้าวแกงซึ่งอยู่ด้านล่างลานจอดรถของแฟลต มองขึ้นมาที่ระเบียงชั้น 2 ของแฟลต ก็เห็นผู้ก่อเหตุและผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกันแต่ไม่รู้ว่าถึงขั้นใช้อาวุธทำร้ายร่างกาย เห็นเลือดไหลจากร่างของผู้ตายจำนวนมาก จึงตะโกนบอกว่า "หยุดนะ ตำรวจมาแล้ว" จากนั้นทั้งสองคนแยกย้าย โดยผู้ตายได้วิ่งกลับไปที่ห้องพัก ขณะที่ผู้ก่อเหตุเดินหลบหนีไป มาทราบต่อมาว่าถึงขั้นเสียชีวิตก็รู้สึกตกใจ โดยไม่ทราบว่าสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันมาจากเรื่องใด ด้านชาวบ้านที่อาศัยอยู่หัองข้างๆ กับผู้ก่อเหตุก็ เล่าว่า ผู้ก่อเหตุนั้นมีอาการป่วยจิตเวชเคยเข้ารับการรักษา มักชอบพูดคนเดียว และแสดงอาการกริยาแปลกๆ อยู่เสมอ พักอาศัยอยู่คนเดียว เพราะแม่และญาติ ไม่กล้าอยู่ด้วย โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้มีอาชีพอะไร แต่ชอบเรียกเก็บเงินจากการหารถมาจอดในที่จอดรถของแฟลต โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมชอบโวยวายและพูดคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนเองขายกาแฟอยู่ หน้าปากซอยเข้าแฟลตมักจะให้เงินและให้กาแฟกับผู้ก่อเหตุอยู่เป็นประจำเพราะสงสาร และอีกอย่างคือกลัว ผู้ก่อเหตุจะใช้ความรุนแรงเลยต้องผูกมิตรไว้ ก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุเคยขยับรถของผู้ตาย ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน คาดว่าปมสาเหตุในครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องจอดรถจักรยานยนต์