ดรามาไม่จบ! อ้างเจ้าอาวาสยืมเงิน 9.2 ล้านไม่คืน
วันที่ 5 ก.ย. 2567 เวลา 16:22 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คืบหน้ากรณีเศรษฐีนี อ้างว่าถูกเจ้าอาวาสวัด ยืมเงินไป 9.2 ล้านบาท แต่กลับเบี้ยวหนี้ แถมบอกให้มายึดโบสถ์ไปแทน ล่าสุดเรื่องราวยังไม่จบ แม้เจ้าอาวาสจะออกมาตอบโต้ ดรามาไม่จบ! อ้างเจ้าอาวาสยืมเงินไม่คืน เราขอไล่เรียงเหตุการณ์อีกครั้ง เริ่มจากเมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) คุณกฤษณา อายุ 57 ปี นำหลักฐานร้อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด อ้างว่า ถูกเจ้าอาวาสวัดชื่อดังย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ยืมเงินนานกว่า 20 ปี เป็นเงิน 9,200,000 บาท แล้วไม่ยอมคืนเงิน คุณกฤษณา เล่าว่า ครอบครัวของตนเอง เป็นโยมอุปัฏฐากวัดดังกล่าว มาตั้งแต่รุ่นพ่อ ส่วนตัวไปทำบุญตั้งแต่สมัยสาว ๆ มานานกว่า 20 ปี ทำให้รู้จักเจ้าอาวาสรูปนี้ กระทั่งเมื่อปี 2552 เจ้าอาวาสถามว่า "พอมีเงินไหม…จะขอยืมมาบูรณะซ่อมแซมวัด" ด้วยความเคารพศรัทธา จึงให้ยืมเรื่อยมา ตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักแสน มีทั้งเงินสด และโอนเข้าบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีส่วนตัว เจ้าอาวาส อ้างว่า หากโอนเข้าบัญชีของวัด จะยุ่งยาก ช่วงที่ผ่านมา พยายามทวงเงิน แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง บอกว่าหากได้กฐิน ได้ผ้าป่า จะนำมาคืนให้ แต่ก็ไม่เคยคืนให้จริง บอกให้ยึดโบสถ์ ยึดศาลา ยึดของในวัดไปเลย พร้อมให้กุญแจโบสถ์มา เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และยังถูกเจ้าอาวาสข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย ใช้เท้าถีบ แต่หลบได้ แถมยังถูกบีบคอ สาเหตุที่มาร้องสายไหมต้องรอด เพราะเจ้าอาวาสเซ็นรับสภาพหนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีหลักฐานเป็นเอกสารการลงลายมือชื่อ และบอกว่า จะใช้เงินคืนให้ครบจำนวนในเดือนสิงหาคม แต่เมื่อครบกำหนด ใช้เงินคืนมาเพียง 3,000 บาท เจ้าอาวาส โต้หนังคนละม้วน ด้านเจ้าอาวาสวัดคู่กรณีโต้กลับ ไม่ได้ยืมเงิน ถ้ายืมก็ต้องมีเอกสารการกู้ยืม ดังนั้นเงินจำนวนทั้งหมด ถือเป็นการทำบุญตามจิตที่เป็นกุศลของเขาเอง ส่วนประเด็นที่อ้างว่ามีการยื่นกุญแจโบสถ์ให้ เพื่อค้ำประกัน ก็ไม่เป็นความจริง เพราะโบสถ์ที่นี่ไม่มีกุญแจ ส่วนที่อ้างว่ามีการใช้เท้าถีบ ก็ไม่จริง แต่เป็นการป้องกันตัว และประเด็นที่อีกฝ่ายอ้างว่าตนเองเซ็นรับสถาพหนี้แล้ว รับว่าเซ็นจริงแต่ถูกบังคับ หากไม่เซ็นจะถูกบังคับให้สึก และตอนนี้ไปแจ้งความไว้แล้วว่า ถูกบังคับให้เซ็น ขณะเดียวกัน มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ของเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว โผล่เพิ่มอีกคน เป็นหญิงเจ้าของสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง โดยเจ้าอาวาสมาขอเช่าเวลาออกอากาศวิทยุในนามวัด เพื่อโฆษณาเชิญชวนคนมาเที่ยววัด ชั่วโมงละ 30,000 บาท แต่พอถึงเวลามาขอเก็บเงิน เจ้าอาวาสก็จ่ายบ้าง-ไม่จ่ายบ้าง จนต้องยอมลดราคาให้ชั่วโมงละ 20,000 บาท ก็ยังไม่ยอมจ่าย จึงลดให้อีกเป็นชั่วโมงละ 5,000 บาท, 3,000 บาท ลดลงมาเรื่อย ๆ แต่ก็ยังถูกบ่ายเบี่ยง รวมค่าเสียหายกว่า 200,000 บาท เปิดจดหมายลายมือ เจ้าอาวาส ยกสมบัติใช้หนี้ ขณะเดียวกัน คุณป้ากฤษณา สีกาที่ถูกเจ้าอาวาสยืมเงิน 9.2 ล้านบาท ได้เปิดเผยจดหมาย เขียนด้วยลายมือเจ้าอาวาส โดยมีเจตนายกสมบัติใช้หนี้ให้คุณกฤษณา ระบุข้อความว่า "วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 อาตมา เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม เมื่อมรณภาพ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เป็นของส่วนตัว ยกให้ น.ส.... ได้แก่วัตถุมงคลต่าง ๆ ที่อาตมาเก็บสะสมไว้ เงินสดในบัญชีทั้งหมด โฉนดที่ดินถ้ามี มอบเอกสารนี้ไว้เป็นหลักฐาน" ก่อนลงมือเจ้าอาวาสวัดพืชอุดม คุณกฤษณา ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า จริง ๆ แล้ว เจ้าอาวาส ยืมเงินไปทั้งหมด 15 ล้านบาท แต่มีหลักฐานการโอนเงินแค่ช่วง 5 ปีหลัง และเจ้าอาวาสยอมรับเงินที่เอาไปแค่ 9.2 ล้านบาท ตนเองก็เลยต้องยอมรับยอดหนี้จำนวนนี้ สั่งตรวจสอบปม เจ้าอาวาส ยืมเงิน ขณะที่ นายคมสัน ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายอำเภอลำลูกกา, เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ประธานฝ่ายสงฆ์ ร่วมกันเข้าประชุมพูดคุยเรื่องดังกล่าว พร้อมระบุว่า เบื้องต้นจะต้องเรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาสอบสวน ก่อนนำข้อมูลการสอบสวนทั้งหมดส่งให้เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดพิจารณา หากเข้าข่ายความผิดของสงฆ์ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตั้งข้อสังเกตคู่กรณีเป็นคน 2 บุคลิก ทางด้าน นายสิทธิโชค แก้วประเสริฐ์ เป็นโยมอุปัฏฐาก ยืนยันว่าที่หญิงคู่กรณี อ้างว่าเจ้าอาวาส จะให้ยึดโบสถ์เพื่อไปใช้หนี้นั้นไม่เป็นความจริง โดยหญิงคู่กรณี ท่านนี้มาทำบุญที่วัดยาวนาน 12-13 ปีแล้ว หลวงพ่อก็บอกบุญไป ถ้าใครไม่สะดวกมาทำบุญที่วัดก็จะเป็นการโอนเงินมาทำบุญ หรือบางทีก็จะมาทำบุญที่หลวงพ่อเอง หลายครั้งที่หญิงคู่กรณีโอนเงินทำบุญกับวัด ทางคณะกรรมการวัดก็ลงบัญชีไว้ แต่พอวันต่อมา ก็มาขอคืนเงิน บอกว่า ไม่อยากทำแล้ว ซึ่งการกระทำของเขาเป็นแบบนี้บ่อยครั้ง จึงตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจจะเป็นคนที่มี 2 บุคลิกหรือไม่ คุณป้าคู่กรณี อ้างว่า เจ้าอาวาสให้คนขับรถพามาถ่ายรูปที่หน้าบ้าน หลังจากนั้น ส่งรูปมาในไลน์ บอกว่า จะมารับป้าไปพบกับคนที่เจ้าอาวาสอ้างว่า จะล้างหนี้ให้ เป็นนักโทษ แต่ป้าไม่ไปด้วย ทนาย บอกว่า ลักษณะนี้คือ การข่มขู่คุกคาม โต้ เจ้าอาวาส กลับคำพูดตัวเอง ด้านพระครูอาทรธัญญานุรักษ์ เจ้าคณะตำบลลำไทร เปิดเผยว่า หลังจากนี้ จะเป็นขั้นตอนการสอบสวนทางสงฆ์ มี 3 ขั้นตอน คือ ต้องมีการสอบสวนคู่กรณี 2 ฝ่าย ในระดับเจ้าคณะตำบล จากนั้นส่งเรื่องให้เจ้าคณะอำเภอ สอบสวนทั้ง 2 ฝ่ายเช่นกัน เมื่อแล้วเสร็จ จะส่งเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดสอบสวนทั้ง 2 ฝ่าย เป็นครั้งที่ 3 การตัดสินว่าผิดวินัยสงฆ์นั้น จะเป็นอำนาจของเจ้าคณะจังหวัด ส่วนกรณีที่เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม ระบุเรื่องการเซ็นยอมรับสภาพหนี้ เป็นเพราะถูกบีบบังคับนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากในวันดังหล่าว มีเจ้าคณะอำเภอ, เจ้าคณะตำบล และอีกหลายส่วนเป็นพยาน ซึ่งเจ้าอาวาสวัดพืชอุดม ก็ยอมรับว่าเป็นหนี้จริง ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ แต่วันนี้กลับมาพูดอีกอย่าง ฉะนั้นต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ล่าสุดมีรายงานว่า วันนี้เวลา 17.30 น. ที่วัดสุวรรณบำรุงราชวราราม ลำลูกกา คลอง 12 ท่านเจ้าคณะอำเภอ นัด "เจ้าอาวาส" และหญิงคู่กรณีไปเจรจากัน