เจ้าของร้านคาร์แคร์ แจงขาย เอทิลแอลกอฮอล์
วันที่ 4 ก.ย. 2567 เวลา 06:09 น.
เช้านี้ที่หมอชิต - คลัสเตอร์ยาดองมรณะ หลังจากวานนี้ ทางตำรวจ ตรวจร้านเคมีภัณฑ์แบบผสมมือ ประเภทคาร์แคร์ ที่ขาย "สารตั้งต้น" ให้กับ "2 พี่น้อง" เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสุราขาว วานนี้ทางเจ้าของร้าน ยืนยันว่าสารที่ขายเป็น "เอทิลแอลกอฮอล์" และซื้อขายถูกกฎหมาย "อีฟ" เจ้าของร้านขายเคมีภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด และดูแลรถ หรือ "คาร์แคร์" พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสารตั้งต้น "เอทิลแอลกอฮอล์" เข้าไปให้ปากคำตำรวจ สน.มีนบุรี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เรื่องการซื้อขายสารตั้งต้น ให้กับ 2 พี่น้องผู้ต้องหาคดี "ยาดองมรณะ" เจ้าตัวยืนยันว่า มี "เอทิลแอลกอฮอล์" ความเข้มข้น 95% ที่สามารถใช้บริโภคได้ เหลือมาจากการสั่งซื้อล็อตใหญ่เมื่อปี 2563 ประมาณ 360 ลิตร หรือความจุ 18 แกลลอน แต่เพราะผู้ต้องหาต้องการ 20 แกลลอน จึงขายสินค้าที่มีเหลืออยู่ทั้งหมดไป ทำให้ไม่เหลือสารตัวนี้อยู่ในร้าน ไม่ใช่เป็นการทำลายของกลางเพราะกลัวความผิด และตอนที่ตำรวจค้นร้าน ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เรื่องผลการตรวจสอบหลักฐานที่ตรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุ ต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ดำเนินการ คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15 วัน ถึงจะทราบผล ด้านศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า หรือ EOC เคสยาดองมรณะ ที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี ประกาศปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ หลังสถานการณ์ผู้เข้ารับการรักษาเริ่มคงที่ ศูนย์ดังกล่าวเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่มีผู้ป่วยรายแรก วันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งมีผู้เข้ารับการคัดกรอง 84 คน โดยมีผู้ป่วยสะสม 44 คน จำนวนนี้เสียชีวิต 8 คน ใช้ท่อช่วยหายใจ 16 คน ฟอกไต 24 คน ปั๊มหัวใจ 6 คน ยังมีผู้ป่วยวิกฤต สีแดง 4 คน ขณะเดียวกันมีผู้ป่วย 1 คน ที่มีระดับการมองเห็นลดลง ยังต้องเฝ้าระวัง หลังจากนี้โรงพยาบาล จะมีการติดตามผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว จำนวน 30 คน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือบางคนเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจเช็กสายตา, ระบบประสาท และไต ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีรายงานผู้ป่วยได้รับพิษเมทานอลจากเหล้าปลอมเป็นประจำทุกปี จึงมีการพิจารณาแนวทาง และมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ และหารือถึงช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อปิดกั้นแหล่งผลิตทุกช่องทาง