ครอบครัวทำพิธีเชิญวิญญาณ ผู้เสียชีวิต เจ็ตสกีชนเรือหางยาว

วันที่ 18 ส.ค. 2567 เวลา 16:43 น.

ครอบครัวสุดเศร้าทำพิธีเชิญวิญญาณ ผู้เสียชีวิต เจ็ตสกีชนเรือหางยาว ด้านสามีผู้โดยสาร เผย ยังไม่ได้รับคำขอโทษจากคู่กรณี (18 ส.ค.67) ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เจ็ตสกีชนเรือหางยาวข้ามฟาก ได้นิมนต์พระไปยังท่าเรือวัดบางกระเจ้านอก เพื่อทำพิธีเชิญวิญญาณของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า นายมงคลสวัสดิ์ อายุ 48 ปี สามีของผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ตนเอง และ ภรรยา กำลังจะข้ามฝาห ตนเองนั่งหน้า แฟนนั่งกลาง แล้วตามด้วยคนขับ พอถึงประมาณกลางแม่น้ำ เรือเจ็ตสกี มาชน พอหันไป ไม่เห็นแฟน ก็ตะโกนเรียก เพราะแฟนว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งมองไม่เห็นใครเลยทั้ง 2 คน นอกจากนี้คู่กรณียังไม่มาคุย ตนเองเป็นผู้เสียหาย อย่างน้อยคำขอโทษ ยังไม่ได้ยินเลย นายมงคลสวัสดิ์ บอกอีกว่า เป็นห่วงเรื่องคดี สำหรับเรื่องความเร็ว หากมาไม่เร็วเครื่องยนต์ของเรือจะตกน้ำไหม ให้ลองสังเกตรอยยุบของเรือก็ได้ ตนเองก็ใช้คำว่าเกือบจะไม่รอดซึ่งถ้าหากตนเองร่วงตกลงน้ำก็ไม่รอดชีวิต คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : พ่อคิวพีขอโทษ เหตุเจ็ตสกีชนเรือหางยาว พร้อมรับผิดชอบเยียวยา ด้านน.ส.ประภาศรี ลูกคนขับเรือ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนเกิดเหตุพี่ชายมีลางสังหรณ์ ตากระตุก ไม่ยอมหาย ไม่คิดว่าคุณพ่อจะเสียชีวิตเร็วขนาดนี้ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ ก่อนหน้านี้พ่อได้หยุดขับเรือไปพักนึงแล้วแต่ก็มาขับใหม่ คุณพ่อมีอาชีพขับเรือตั้งแต่ตอนตนเองยังเล็ก ๆ อยู่ จนขนาดนี้ตนเอง อายุ 40 กว่าแล้ว ซึ่งตนเองอยากให้พ่อพักไปอยู่ที่บ้านแต่พ่อก็ไม่ยอมกลับ ตนเองอยากจะฝากผู้ที่นั่งเรือข้ามฟากหรือเรือโดยสารว่าให้ระมัดระวังซึ่งอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี พ.ต.อ. ประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางลงมาประชุมคลี่คลายคดีนี้ด้วยตัวเอง เผยว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมากและไม่มีอะไรซับซ้อน ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่าคนขับเรือมีการดื่มสุราหรือเมาสุราในขณะขับขี่หรือไม่นั้น เบื้องทางด้านพนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจหาแอลกอฮอล์ในตัวคนขับเรือเจ็ตสกีแล้วตั้งแต่เมื่อคืนหลังเกิดเหตุไม่นาน และไม่พบแอลกอฮอล์แต่อย่างใด ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงเกิดเหตุ พบว่า จังหวะที่เรือหางยาวขับออกจากท่าเรือของวัดบางกระเจ้านอก เพื่อข้ามฝากไปฝั่งของพระรามสาม ออกมาได้ไม่ไกล เกือบถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฎว่ามีเรือเจ็ตสกีคู่กรณีที่ขับมา ลำแรกหักหลบพ้นแต่อีกลำหักหลบไม่พ้นและชนอย่างจัง ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของคิวพี ที่เป็นคนขับ ขณะที่ภาพอีกมุมจากกล้องบนเรือสินค้าที่จอดอยู่ข้างฝั่ง จับภาพได้ไกล ๆ เห็นเรือเจ็ตสกีสองลำขับนำหน้ามาก่อนจะพ้นรัศมีกล้องไม่ไกลและพุ่งชนเรือหางยาวจนทำให้คนในเรือต้องลุกยืนดูเหตุการณ์ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ทางพนักงานสอบสวนจะร่วมกับกรมเจ้าท่าใช้พิจารณาทางคดี