อาวุโสลำดับ 1 ไม่คาดหวังถูกเลือกนั่ง ผบ.ตร.

วันที่ 16 ส.ค. 2567 เวลา 16:34 น.

“บิ๊กต่าย” ไม่คาดหวังได้เสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.แม้อาวุโสอันดับหนึ่ง หลังบิ๊กโจ๊กพ้นรอง ผบ.ตร. ยืนยันเป็นดุลยพินิจนายกพิจารณาตามผลงานและความเหมาะสม วันนี้ ( 16 ส.ค.67 ) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่ วานนี้ ( 15 ส.ค.67 ) มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร. เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 นั้น ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดตามกระบวนการแล้ว โดยตนเองในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อน ณ เวลานั้น ยืนยันว่า ได้ดำเนินการด้วยเหตุผลและเจตนาที่สุจริต ไม่มีอคติต่อผู้ใด รวมทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ดุลยพินิจให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย การที่เรื่องดำเนินมาจนถึงบัดนี้ ถือเป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์ที่ตนเองได้ใช้ดุลยพินิจและดำเนินการไป ยืนยันว่าไม่ได้มีความรู้สึกดีใจหรือเสียใจ ทั้งนี้ ถือว่ากระบวนการให้ออกราชการไว้ก่อนนั้น เสร็จสิ้นตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกขั้นตอนแล้ว หากพล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ ต้องการใช้สิทธิ์เรียกร้องความเป็นธรรม ยังสามารถใช้ช่องทางฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ หากศาลมีคำวินิจฉัยเช่นไร ก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรงโดยคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการตำรวจ ที่มี พล.ต.อ. สราวุฒิ การพานิชย์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน นั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนผลจะออกมาเป็นเช่นไรไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ คณะกรรมการสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และมีดุลยพินิจว่าจะมีความผิดทางวินัยในระดับระดับใด หากไม่ผิดก็ยุติเรื่อง หากพบว่าผิดวินัยร้ายแรงก็ดำเนินการปลดออก ไล่ออก ตามขั้นตอน ส่วนจะมองว่าเป็นการลงดาบสองหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ ขณะนี้มีแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป 3 คน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสระดับใดก็สามารถถูกนำเสนอชื่อได้อยู่แล้ว ตนเองในฐานะอาวุโสอันดับ 1 ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องถูกเสนอชื่อ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากประวัติผลงาน ความประพฤติ ประกอบกับระดับอาวุโสตามกฎหมายตำรวจ