กทม. รุดเยียวยา 11 ขวบ ตู้ไฟบริเวณป้ายรถเมล์บาดมือ

วันที่ 16 ส.ค. 2567 เวลา 07:11 น.

กทม. รุดเยียวยา 11 ขวบ ถูกไฟดูด สะบัดมือไปโดนตู้ไฟฟ้าบริเวณป้ายรถเมล์บาดมือเส้นประสาทเสียหาย เบื้องต้นไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ระดมตรวจตู้ไฟป้ายรถเมล์ทั่วกรุง ความคืบหน้ากรณีเด็กนักเรียนชายถูกไฟดูดที่บริเวณตู้ไฟใกล้ป้ายรอรถประจำทาง ถนนสุขุมวิท 71แล้วสะบัดมือออกไปโดนเหล็กบาด จนเอ็นขาด ตามที่เพจ "อีซ้อขยี้ข่าว3" นำรูปภาพมาโพสต์ ค่ำวานนี้ (15 ส.ค.67) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ กทม. และพนักงานการไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยนาย วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่าตู้ดังกล่าวไม่มีกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ไม่พบการชำรุดแต่อย่างใด โดยสาเหตุที่แท้จริงจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม กทม. จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลของคนเจ็บ รวมทั้งจะมีการตรวจสอบตู้ไฟฟ้าป้ายรอรถเมล์ทุกตู้ใน กทม. ว่ามีตู้ใดที่ชำรุดหรือไม่ และอาจจะมีการพิจารณานำวัสดุอื่น ๆ มาคุมตู้ไฟฟ้าไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย จากนั้นจึงได้เดินเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล นายฉันพชร อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นพ่อของน้องฌอน เด็กนักเรียนชายอายุ 11 ขวบ ผู้บาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 16.30 น. น้องฌอนกับย่า กำลังนั่งรอรถเมล์เพื่อที่จะกลับบ้าน โดยน้องฌอนได้นั่งในลักษณะเอาข้อศอกซ้ายเท้าไปที่บริเวณตู้ไฟฟ้า จากนั้นรู้สึกเหมือนมีไฟดูดถึงสะบัดแขนขึ้น ก่อนที่นิ้วก้อยซ้ายจะไปถูกสแตนเลสของตู้ไฟฟ้าบาด ซึ่งขณะนั้นมีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาพอดี ย่าจึงได้รีบให้พาไปส่งที่โรงพยาบาล ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล หมอได้ทำการผ่าตัด โดยพบว่าเอ็นไม่ขาด แต่มีเส้นประสาทเสียหายบางส่วน ซึ่งหมอให้พักฟื้นดูอาการ 1 เดือน ซึ่งน้องฌอนตอนนี้สภาพจิตใจยังเป็นปกติ ไม่ได้มีอาการซึมหรือเครียดแต่อย่างใด และพ่อเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่ กทม.มาเยี่ยม พร้อมกับรับปากว่าจะดูแลรักษาค่าพยาบาลให้ ขณะที่ทางด้าน นายวินัย ใจงาม วินจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งเป็นคนที่พาผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล เล่าว่า ขณะนั้นตนมาส่งผู้โดยสารที่ป้ายรถเมล์จุดเกิดเหตุพอดี ก็ได้ยินญาติของคนเจ็บตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงรีบอาสาไปส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงเย็นที่เป็นชั่วโมงเร่งด่วน การจราจรติดขัด ทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็ว กว่าที่จะถึงโรงพยาบาลก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที