มาสองแต่ของครบ นักศึกษาอาชีวะชิงหัวเข็มขัดกลางถนนแทงคู่อริเจ็บ 1 คน

วันที่ 14 ส.ค. 2567 เวลา 14:41 น.

นักศึกษาอาชีวะขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนสามถูกคู่อริต่างสถาบัน 2 คน ขี่ตามแถมมีมีด สุดท้ายถูกชิงหัวเข็มขัดไปแถมมี 1 คน ถูกแทงบาดเจ็บ วันนี้ (14 ส.ค. 67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุนักศึกษาอาชีวะถูกฟันได้รับบาดเจ็บบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสายลวด ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังได้รับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจ พร้อมอาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกุศล สมุทรปราการ เดินทางไปตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุพบกลุ่มนักศึกษาอาชีวะสถาบันหนึ่งยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เป็นนักศึกษาชาย อายุ 17 ปี ซึ่งทางเพื่อนของผู้บาดเจ็บได้นำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยผู้บาดเจ็บมีแผลถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณหัวไหล่ซ้ายเป็นแผลฉกรรณ์ จากการสอบถาม ทราบว่า กลุ่มนักศึกษาดังกล่าวได้ขี่รถจักรยานยนต์มากัน 3 คัน คันละ 3 คน รวม 9 คน ตามถนนศรีนครินทร์ จนมาเจอกลุ่มคู่อริต่างสถาบันตรงใต้สถานีรถไฟฟ้าศรีนครินทร์ และเกิดการขี่ จยย.ไล่ตามกันมาถึงบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสายลวด ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นเป็นนักศึกษาต่างสถาบันขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คน สวมหมวกปิดบังใบหน้า โดยคนซ้อนท้ายมีอาวุธมีดยาว ส่วนคนขับมีอาวุธมีดสั้น ซึ่งคนลงมือคือคนขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีคนซ้อนท้ายยืนคุมเชิง ซึ่งผู้ก่อเหตุมาจี้ชิงหัวเข็มขัดของสถาบันไป แล้วจึงขี่รถหลบหนีไป จากการสอบถาม นายต้น อายุ 16 ปี เพื่อนของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า คู่กรณีขี่รถตามพวกตนมาจากตรงหน้าสถานีรถไฟฟ้าศรีนครินทร์ แล้วขี่รถมาถีบรถของพวกตนแต่พวกตนไม่ล้ม คู่กรณีขี่รถตามพวกตนถึงหน้าสถานีสายลวด แล้วประกบข้างรถพวกตน พวกตนจึงยอมจอดเห็นว่าคู่กรณีใส่เสื้อของอีกสถาบันนึง ต่อมาคู่กรณีได้จอดรถลงมาคุยแล้วเอามีดจี้เพื่อนของตน เพื่อนตนจึงถอดหัวเข็มขัดให้ แต่เขาก็เอามีดแทงเพื่อนตนไปทีนึงที่แขนขวา ขณะที่ นายชริน อายุ 50 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนขี่รถจักรยานยนต์กลับจากที่ทำงานเห็นนักศึกษาอาชีวะ 3 คน ขี่รถมา แล้วคู่กรณีทำท่าจะให้จอด ตนและรถข้างหลังจึงบีบแตร ตนเลยบอกกับเด็กผู้เสียหายว่าอย่าจอด และบอกให้ขี่มาตรงป้อมตำรวจตรงแพรกษา แล้วตนก็ขี่นำมาและได้พูดกับเด็กว่าห้ามจอดนะ สักพักนึงพวกผู้เสียหายก็ขี่ออกขวา ตนเลยตามมาเห็นว่าโดนแทง ตนเลยไปหาไม้เพื่อจะมาช่วยคนเจ็บ แต่หาไม่ได้เลยหยิบหินมา 2 ก้อน ปาไปโดนหัวไหล่ผู้ก่อเหตุแล้วผู้ก่อเหตุก็ขี่รถหนีไป