สืบสุทธิสาร ตามจับหัวหน้าแก๊งตกทอง 42 หมายจับ

วันที่ 13 ส.ค. 2567 เวลา 06:19 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - สืบสุทธิสาร ตามจับหัวหน้าแก๊งตกทอง ก่อนคดีจะหมดอายุความเพียง 3 เดือน พอไปตรวจประวัติผู้ต้องหา พบเคยถูกออกหมายจับคดีตกทอง รวมกว่า 40 หมายจับ เยอะแค่ไหน ถึงขั้นขนาดว่าเจ้าตัวเองก็ยังจำไม่ได้ว่าไปก่อคดีอะไรมาบ้าง คดีนี้ต้องเล่าย้อนไปเมื่อปี 2557 ผู้ต้องหา คือ นางสาวมะลิษา หัวหน้าแก๊งตกทอง ได้ตระเวนก่อเหตุร่วมกับสมาชิกในแก๊ง 5 คน อย่างโชกโชน ในพื้นที่ สน.บางซื่อ แต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกันไป เริ่มจาก "ตัวล่อ" มีหน้าที่ทำทองตก ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อล่อเหยื่อ โดยมีรูปแบบแตกต่างกันไป ทั้งสร้อยคอทองคำ และพระเครื่อง กระทั่งมีผู้เสียหายมาเก็บของที่ตก จากนั้น "ตัวชง" จึงเข้าไปหลอกล่อเหยื่อให้หลงเชื่อว่าทองที่พบคือทองคำจริง มีมูลค่าสูง ให้นำไปขายแล้วมาแบ่งเงินกัน หรือ ชวนให้นำทรัพย์สินส่วนตัวมาแลกเปลี่ยน เมื่อถึงจุดนี้ผู้ต้องหารายที่ 3 หน้าที่สนับสนุน หรือ ตัวมุง จะโผล่มาชวนคุยพูดจาให้สับสน ว่าเป็นของมีมูลค่าสูง ขายคุ้ม แลกคุ้ม จนผู้เสียหายเชื่อสนิทใจ ยอมแลกทรัพย์สิน สำหรับ "แก๊งมะลิษา" มีผู้ต้องหาถูกตำรวจออกหมายจับ รวม 42 หมาย เริ่มจับปี 2559 จับครบ 42 คน ต้นปี 2567 แต่ก็ยังมีหมายจับค้างเก่าอีกจำนวนมาก บางคดีเพิ่งขอหมายจับหลังจำคุกด้วยซ้ำ ล่าสุด นางสาวมะลิษา อดีตหัวหน้าแก๊งที่เพิ่งพ้นโทษไม่นานก็ออกมาก่อเหตุซ้ำอีก แต่ก็โดนชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร จับกุมคาบ้านบ้านพัก ซอยลาดพร้าว 42 โดยคดีกำลังจะหมดอายุความในอีก 3 เดือน จากการสอบปากคำ นางสาวมะลิษา ยอมรับว่า จำคดีนี้ไม่ได้แล้ว เพราะมีหมายจับติดตัวเยอะมาก หลังถูกดำเนินคดีเสร็จ ตำรวจ สน.เตาปูน มาอายัดตัวดำเนินคดีเพิ่ม เพราะผู้ต้องหาไปหลอกผู้เสียหาย แต่คดีนี้มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านบาท ซึ่งขณะผู้ต้องหาถูกควบคุม ทีมข่าว 7HD คุณพิธพงษ์ พยายามสอบถามถึงคดีที่ไปหลอกผู้เสียหายว่าจำได้หรือไม่ แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมปริปากให้ข้อมูล ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวขึ้นรถไปขออำนาจศาลฝากขัง ตำรวจฝากบอกว่าหากใครเคยตกเป็นเหยื่อคดีลักษณะนี้ สามารถติดต่อสถานีตำรวจในพื้นที่ให้อายัดตัวผู้ต้องหาไปดำเนินได้ ตำรวจเตือนหากพบของมีค่าตกอย่าหลงเชื่อ แลกเปลี่ยนทรัพย์สิน แต่ให้นำทรัพย์สินไปลงบันทึกแจ้งความกับตำรวจ หากครบ 1 ปี เจ้าของไม่มาติดต่อรับคืน จะตกเป็นของผู้ที่เก็บได้ แต่หากเก็บไปไม่ส่งคืนจะโดนข้อหาลักทรัพย์ อาจโดนต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท