ช่อ พรรณิการ์ เชื่อถ้า ก.ก.ถูกยุบพรรคไปต่อได้แบบไม่สะดุด
วันที่ 7 ส.ค. 2567 เวลา 11:39 น.
ช่อ พรรณิการ์ ขอบคุณกำลังใจล้นหลาม ย้อนถามทำไมต้องยุบพรรค มองไม่เกิดประโยชน์ เสียเวลาเปล่า ลั่นเป็นความแค้น อัดอั้นตันใจที่ความฝันเรียบง่าย แต่ยากที่จะเกิดขึ้น เชื่อหากก้าวไกลถูกยุบไปต่อแบบไม่สะดุด หากไม่ถูกยุบก็พร้อมติดปีกทะยานไปข้างหน้า ช่อ พรรณิการ์ วานิช กรรมการคณะก้าวหน้า ในฐานะอดีต สส.บัญชีรายชื่อ และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ ถึงกิจกรรมที่จะรองรับมวลชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจที่อาคารอนาคตใหม่ วันนี้ ว่ากิจกรรมจะเริ่มอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 13.30 น. คือกิจกรรมเลคเชอร์สาธารณะ ว่าด้วยเรื่องศาลรัฐธรรมนูญและการยุบพรรค โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ซึ่งไม่ใช่พูดเฉพาะคดีพรรคก้าวไกล แต่จะพูดถึงการขยายขอบเขตอำนาจ ของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่เกี่ยวกับการยุบพรรคอย่างต่อเนื่อง แล้วจะเปิดให้มีการซักถามทั้งจากสื่อมวลชนและประชาชน ทั้งเรื่องข้อกฎหมายและการเมือง และจะมีการถามตอบไปเรื่อย ๆ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัย หลังอ่านคำวินิจฉัยจบจะมีการแถลงข่าวประมาณ 18.00 น. เพราะวันนี้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องรอ สส.เดินทางมาถึงที่พรรค รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ไปฟังคำวินิจฉันที่ศาลรัฐธรรมนูญ และหลังจากนั้นจะเป็นการปราศรัยยาวกับมวลชนที่มาเกาะติดบรรยากาศและร่วมรับฟัง ไปจนถึงเวลา 21.00น. ซึ่งจะยุติการทำกิจกรรมในวันนี้ เนื่องจากบริเวณโดยรอบเป็นที่พักอาศัย ก็จะเกรงใจเพื่อนบ้านที่พักอาศัยด้วย ทั้งนี้คาดว่ามวลชนหลายคนจะเดินทางมาในช่วงเย็นหลังเลิกงานต่อเนื่องไปจนถึงช่วงค่ำ ส่วน มีมวลชนทยอยมาร่วมรับฟังในวันนี้ มองว่าความประทับใจแรกของวันนี้ คือได้แจ้งไปว่าจะให้ประชาชนขึ้นไปฟังการแถลงข่าวได้แค่ 50 คน เพราะพื้นที่มีจำกัด ทั้งสื่อมวลชนกว่า 200 คน และ สส.150 คน ดังนั้นจึงเปิดลงทะเบียนเพื่อขึ้นไปฟังการแถลงข่าวและเมื่อเริ่มลงทะเบียนก็เต็มภายใน 1 นาที เนื่องจากหลายคนเดินทางมาแต่เช้าและได้สิทธิก่อน ส่วนคนที่มาหลังจากนี้ก็ได้ฟังการปราศรัยและพบปะประชาชนอย่างใกล้ชิดที่ลานจอดรถแน่นอน ทั้งนี้ ช่อ พรรณิการ์ บอกด้วยว่า หลายคนก็ถามว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อเทียบกับครั้งพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบกับตอนก้าวไกลจะถูกยุบ ก็ต้องยอมรับว่า ความรู้สึกแรกคือ ‘แค้น’ ว่าความฝัน ความต้องการของพวกเรามันง่ายมาก คือการตั้งพรรคอันดับหนึ่ง เพื่อประเทศไทยที่เท่าเทียมกัน เท่าทันโลก และคนไทยเท่าเทียมกัน พาประเทศไทยไปเท่าทันโลก สร้างสังคมที่เสมอภาคเท่าเทียม และตั้งประเทศไทยที่มีอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ซึ่งไม่ได้เป็นความฝันที่สุดโต่ง และทะเยอทะยาน เป็นสิ่งแรก ๆ ที่ประเทศในโลกทำกันได้ โดยไม่ต้องเป็นประเทศที่ร่ำรวยอะไร แต่สำหรับประชาชนคนไทย คนกลุ่มหนึ่งเมื่อมาทำพรรคการเมืองด้วยความฝัน แล้วไปบอกกับประชาชนก็มีคนที่มีความฝันแบบเดียวกัน อยากทำให้เป็นจริงจาก 6 ล้านคน เป็น 14 ล้านคน มันยากหรือที่จะเกิดขึ้น แต่ทำไมถึงไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้น ทำไมจึงต้องขออนุญาตพวกเขา ในเมื่อบอกว่าประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยที่มีอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน จึงเป็นความแค้นที่รู้สึกอัดอันตันใจ ว่าความฝันอันเรียบง่ายทำไมจึงต้องขออนุญาต ไม่ได้เป็นความแค้นว่าพรรคเราถูกยุบ ส่วนการเตรียมการหลังจากนี้ ตนมองว่า คงต้องไปถามพรรคก้าวไกล แต่ในฐานะที่เคยถูกยุบพรรคมาก่อน เชื่อมั่นว่า พรรคก้าวไกลมีการเตรียมพร้อม สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว หากวันนี้ไม่ยุบ พรรคก้าวไกลก็จะเดินหน้าต่อไป พรรคก้าวไกลจะต้องติดปีกทะยานไปข้างหน้า และจะได้นำเอาเวลาและทรัพยากรไปช่วยเหลือประชาชน เพราะการถูกยุบพรรคไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมีแต่เสียเวลาเปล่าและไม่ได้เกิดอะไรที่ดีขึ้นมากับประเทศ แต่หากถูกยุบ ก็เชื่อว่าคงมีการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วทุกกรณี ช่อ พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ในสมัยอนาคตใหม่ต้องใช้เวลา 1 เดือน ถือว่ายังตั้งรับลำบาก แต่ถ้าเป็นครั้งนี้ก็เชื่อว่าไม่ใช้เวลานาน จะไปต่อได้ทันที เป็นความเชื่อแบบนั้นส่วนก้าวไกลจะเตรียมพร้อมไว้แค่ไหน เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล ไม่สามารถตอบแทนได้ สำหรับนายพิธา ที่ได้เดินทางไปร่วมฟังคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวไม่ได้พูดคุยหรือให้กำลังใจอะไร เพราะทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเอง เชื่อว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และพรรคก้าวไกลเองก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องเช่นกัน และขอบคุณประชาชน คงต้องให้กำลังใจกันและกัน