ครอบครัวสิงห์อมควัน พ่นควันใส่ลูก
วันที่ 6 ส.ค. 2567 เวลา 07:05 น.
สนามข่าว 7 สี - ทัวร์ลงฉ่ำ ! ครอบครัวสิงห์อมควัน พ่นควันบุหรี่ไฟฟ้าต่อหน้าเด็กแบบไม่ละอายใจ หนักสุดให้เด็กดูดบุหรี่ไฟฟ้าตาม ชาวเน็ตห่วงอนาคต โตมาจะเป็นแบบเดียวกัน ครอบครัวสิงห์อมควัน พ่นควันใส่ลูก เหตุการณ์นี้ เพจฯ ดังเอามาแชร์ พิกัดอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ทำชาวเน็ตเห็นแล้วสงสารอนาคตของเด็กน้อยไร้เดียงสา ที่ต้องสูดดมควันจากบุหรี่ไฟฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น ยังถ่ายคลิปลงโซเชียลจนหลายคนรับไม่ได้ คอมเมนต์แรง บอกว่า มีแม่เมื่อพร้อม สำคัญจริง ๆ จึงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยไปดูเคสนี้กันหน่อย แต่เหมือนจะไม่สำนึก ! เพราะเจ้าของคลิปสิงห์อมควันโพสต์ "ทุกคนมีสไตล์เลี้ยงลูกเป็นของตัวเองทั้งนั้น ภาพที่เห็นอาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่พวกคุณคิด สไตล์เลี้ยงลูกของแต่ละคน ไม่มีทางเหมือนกันอยู่แล้ว ลูกเรา ! เราเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขในสไตล์ของเรา แต่ดันไปหนักหัวคนอื่นได้ไง #อย่าเอาการเลี้ยงลูกของตัวเอง มาเปรียบเทียบกับบ้านอื่นเลย เพราะคุณไม่ได้อยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง รู้ได้ไงว่าเค้าเลี้ยงลูกไม่ดี" สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ให้ข้อมูล อันตรายบุหรี่ไฟฟ้ากับเด็ก มีผลกระทบต่อสุขภาพแน่นอน เพราะมีสารนิโคตินผสมอยู่ในน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา 1 แท่ง จะมีปริมาณนิโคตินเท่ากับบุหรี่ทั่วไป 20 มวน หากเด็กสูดดมเข้าไปมาก จะทำให้เกิดโรคระบบการหายใจ ระคายเคือง ไอ เหนื่อยง่าย มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ และโรคมะเร็ง เป็นต้น ส่วนผู้ที่สูดดมควันบุหรี่มือสองเข้าไป สารนิโคตินจะส่งผลในระยะยาวต่อการพัฒนาสมอง ระบบประสาท และหน่วยความจำ และการได้รับนิโคตินในสตรีมีครรภ์ อาจส่งผลต่อการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ สารพิษจากควันบุหรี่ อาจตกค้างตามเส้นผม ผิวหนัง เสื้อผ้า ซึ่งผู้ที่สัมผัสสารพิษที่ตกค้าง เรียกว่า "ควันบุหรี่มือสาม" อาจเกิดอาการผิวหนังอักเสบได้ แยกเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกจากครอบครัว จ.สุพรรณบุรี ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี ตรวจสอบแล้วพบว่า เรื่องราวเกิดขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ โดยคลิปที่เห็นอยู่ที่อำเภอบางปลาม้า ส่วนเด็ก 2 ขวบที่ดูดพอต เป็นลูกของเพื่อนบ้านที่เลียนแบบพฤติกรรม ทั้งแม่ของเด็กและเจ้าของคลิปอ้าง ไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้าไปพูดคุย ตักเตือน ชี้แจงโทษตามกฎหมายแล้ว เบื้องต้นจะนำตัวเด็กไปตรวจสุขภาพ และให้ไปอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น