รวบหมอกระเป๋า เปิดโรงแรมรายวันจิ้มหน้าลูกค้า ทำมา 5 ปี รายได้เดือนละ 20,000-40,000 บาท

วันที่ 4 ส.ค. 2567 เวลา 13:26 น.

ปคบ. รวบหมอกระเป๋า เปิดโรงแรมรายวัน ฉีดโบท็อกซ์-ฟิลเลอร์ หน้าลูกค้า ยอมรับ ไม่ใช่หมอ จบการขาย แต่สนใจด้านความงาม เห็นช่องทางรายได้ดี ทำมา 5 ปี รายได้เดือนละ 20,000-40,000 บาท วันนี้ (4 ส.ค.67) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์  รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ  นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วีระพงษ์  คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. ปฏิบัติการจับกุม น.ส.เจติยา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นแพทย์ฉีดเสริมความงามให้ประชาชน สืบเนื่องจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ขอให้ตรวจสอบบุคคลแอบอ้างตัวเป็นแพทย์ฉีดเสริมความงามให้ประชาชน โดยจะนัดหมายกลุ่มลูกค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก จากนั้นเปิดโรงแรมย่านสุขุมวิทใช้เป็นสถานที่ฉีดเสริมความงาม เช่น ฉีดวิตามินผิว, ฟิลเลอร์, โบท็อก โดยสงสัยว่าบุคคลที่ทำหัตถการให้ไม่ใช่แพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนหาข่าวพบว่ามีการใช้โรงแรมต่าง ๆ ย่านสุขุมวิทเป็นสถานที่นัดหมายกลุ่มลูกค้าเข้ามารับบริการฉีดเสริมความงามจริง ต่อมาวันที่ 2 ส.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว พบ น.ส.เจติยา แอบอ้างเป็นแพทย์หญิง ให้บริการฉีดรักษาเสริมความงามแก่ลูกค้าที่นัดหมายไว้ โดยขณะนั้นมีลูกค้ารอรับบริการอยู่หลายราย จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.เจติยา ไม่ใช่แพทย์ และไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ประกอบกับสถานที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นห้องพักในโรงแรม ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล และดำเนินการสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง จับกุม น.ส.เจติยา พร้อมตรวจยึดของกลาง รวม 5 รายการ ได้แก่ ยาที่บรรจุในไซริงค์พร้อมฉีด ไซริงค์ เข็ม และฟิลเลอร์สำหรับใช้ฉีดให้ประชาชน นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ทั้งนี้ น.ส.เจติยา ยอมรับว่า ตนไม่ใช่แพทย์ ไม่มีความรู้ ความชำนาญ อย่างแพทย์ผู้มีวิชาชีพแต่อย่างใด โดยเรียนจบการศึกษาระดับชั้น ปวช.3 สาขาการขาย และไปศึกษากับภรรยาของหมอจีนที่พักอาศัยภายในประเทศมาเลเซีย จึงพอมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ ประกอบกับมีความสนใจด้านศัลยกรรมเสริมความงาม และเห็นช่องทางว่ามีรายได้ดี จึงเริ่มรับงานโดยแอบอ้างตัวเป็นแพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทาง รับฉีดวิตามินผิว ฟิลเลอร์ โบท็อก ให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย โดยจะนัดหมายลูกค้าผ่านเฟซบุ๊กครั้งละหลายราย และเปิดโรงแรมรายวันเพื่อให้บริการฉีดเสริมความงามให้ลูกค้าตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะใช้จุดนัดหมายหลายจุด และเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ทำมาแล้วประมาณ 5 ปี มีรายได้เดือนละ 20,000-40,000 บาท การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรศึกษาข้อมูลคลินิก แพทย์ผู้ทำการรักษา และขั้นตอนการรักษาให้ดีก่อนที่จะเข้ารับบริการเสริมความงาม อย่าหลงเชื่อโปรโมชัน หรือราคาที่เสนอต่ำกว่าคลินิกทั่วไป เนื่องจากการเสริมความงามเป็นขั้นตอนและวิธีการที่จะต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะจะเกิดผลกระทบกับใบหน้า และร่างกายโดยตรง และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ทั้งบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ขณะที่ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค