น้องชายถูกน้องมวยทำร้ายแจ้งความคดีไม่คืบ
วันที่ 1 ส.ค. 2567 เวลา 14:57 น.
ร้องขอความเป็นธรรม น้องชายถูกนักมวย ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แจ้งความแล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้า ผู้ก่อเหตุนามสกุลเดียวกับเจ้าของธุรกิจอาบอบนวดขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ วันนี้ ( 1 ส.ค.67) นางพีระภัทรา พี่สาวของนายหนุ่ม อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังจากน้องชายขี่ไรเดอร์ส่งอาหาร ถูกนักมวยหัวร้อน รัวหมัดใส่ไม่ยั้งกลางถนน จนบาดเจ็บสาหัส สาเหตุเกิดจากนักมวยขี่รถไปปาดหน้ากันแต่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุ ทำให้เกิดปากเสียงต่อว่ากันทำให้นักมวยไม่พอใจใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์น้องชายล้ม และขี่มาเจอกันอีกครั้งก็มาทำรัวต่อยทำร้าย นางพีระภัทรา เล่าว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา น้องชายรีบไปส่งอาหารให้ลูกค้า ขี่แซงรถคู่กรณี จากนั้นคู่กรณีบีบแตรใส่ และได้ถีบรถจักรยานยนต์ของน้อง เคราะห์ดีที่รถไม่ล้ม จากนั้นคู่กรณีขี่ไปเส้นทางทางเดียวกับน้องชาย อาจทำให้คู่กรณีเข้าใจผิดว่าว่าขี่ตาม น้องชายตามไปถามว่า ถีบรถทำไม ก็ถูกคู่กรณีลงมาต่อย จนหมวกกันน็อกหลุด ก่อนจะรัวมัดไม่ยั้ง จากนั้นมีพลเมืองดีมาช่วย โทรแจ้งตำรวจ แต่คู่กรณีได้หนีออกไป ส่วนน้องชายถูกนำส่งโรงพยาบาล เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส เบ้าตาซ้ายยุบลงไปที่กะโหลก จมูกแตกหัก ไม่สามารถหายใจทางจมูกได้ เพราะมีเลือดไหลไม่หยุด กรามเบี้ยว ฟันหัก และรอยฟกช้ำทั่วใบหน้าและลำตัว หลังเกิดเหตุทางครอบครัวไปแจ้งความที่ สน.ประเวศ ตำรวจบอกว่าบุคคลดังกล่าวเป็นนักมวย ซึ่งตอนนี้ผ่านมาแล้วมากกว่า 1 เดือน แต่คดีไม่ความคืบหน้า อีกทั้งคู่กรณีก็ไม่ได้ติดต่อมา ซึ่งทางครอบครัวมีการนำชื่อ - สกุล ของคู่กรณีไปค้นหาใน facebook ก็พบว่ามีนามสกุลใหญ่โต ที่เป็นเจ้าของธุรกิจ อาบ อบ นวด ภายในกรุงเทพฯ จึงมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ด้านนายเอกภพ มองว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน หลักฐานชัดเจน มีภาพกล้องวงจรปิดที่สามารถจับพฤติกรรมช่วงที่ก่อเหตุได้ชัดเจน ซึ่งปมเหตุเกิดจากการขับรถปาดกันไปมา โดยจะประสานไปยังผู้กำกับสน.ประเวศ เร่งดำเนินการเพื่อให้ความกระจ่าง ขณะที่ พ.ต.อ. สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก. สน.ประเวศ เผยว่า หลังเกิดเรื่องพนักงานสอบสวนได้ให้ผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย เพื่อนำมาประกอบสำนวนในคดี และอยู่ระหว่างรอผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ จึงทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจยังไม่ดำเนินการใด ๆ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้คู่กรณี และผู้ก่อเหตุมาพบในวัน 2 ส.ค.67