ทนายความยืนยัน “เสี่ยโป้” ถูกลอบแทงในคุก มือแทงถูกจับ สารภาพทำจริง อ้างอยากฆ่าเสี่ยโป้ เพราะคนในคุกจะยอมรับ
วันที่ 31 ก.ค. 2567 เวลา 12:24 น.
ทนายความยืนยัน “เสี่ยโป้” ถูกลอบแทงในคุกบางขวาง ไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะมือแทงถูกจับ และสารภาพทำจริง อ้างอยากฆ่าเสี่ยโป้ เพราะอยากดัง หากฆ่าเสี่ยโป้ได้ คนในคุกจะยอมรับ เผย เสี่ยโป้ย้ายเรือนจำมาแล้ว 3 ครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้แต่งเรื่อง เพื่อย้ายเรือนจำ วันนี้ (31 ก.ค. 67) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ เดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นเรื่องถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ตรวจสอบหลังเชื่อว่า เสี่ยโป้ถูกลอบสังหาร ขณะถูกคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทนายวิฑูรย์ เผยว่า เสี่ยโป้ เคยย้ายเรือนจำมา 3 ครั้ง ครั้งแรกถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อมาหลังศาลตัดสินจำคุก 50 ปี ในคดี ชักชวนเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน เสี่ยโป้ได้ย้ายไปที่เรือนจำคลองเปรม แต่มีปัญหากับนักโทษภายใน หลังจากนั้น เดือนธันวาคมปี 2566 เสี่ยโป้ จึงถูกย้ายไปที่เรือนจำกลางบางขวาง หลังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ที่แดน 10 ได้ประมาณ 3 เดือน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เสี่ยโป้ ถูกนักโทษเด็ดขาดจากแดน 2 ใช้เหล็กคล้ายกรรไกรข้างเดียว ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว เข้ามาแทงจากด้านหลัง ขณะที่เสี่ยโป้ อยู่ในระหว่างการนั่งพัก ขณะเกิดเหตุนักโทษคนอื่นเห็น จึงเข้ามาล็อกตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ และผู้ก่อเหตุ คือ นายภิญโญ นักโทษเด็ดขาดจากแดน 2 หลังจากนั้นนายภิญโญ ถูกดำเนินคดีในเรือนจำ และยอมรับสารภาพอ้างว่า ทำร้ายเสี่ยโป้ เพราะอยากให้คนในเรือนจำยอมรับ ถ้าหากฆ่าเสี่ยโป้ได้ จะมีชื่อเสียง เพราะเสี่ยโป้เป็นคนดัง แต่อย่างไรก็ตามทางครอบครัวและทนายความไม่เชื่อคำกล่าวอ้างนี้ เพราะเชื่อว่า อาจจะมีใบสั่งฆ่าเสี่ยโป้ อีกทั้งอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ เหล็กแหลมนั้น อยู่ในห้องอุปกรณ์ของเรือนจำแล้วนักโทษเด็ดขาดมีกุญแจห้องอุปกรณ์ได้อย่างไร ขณะที่เสี่ยโป้เองยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักหรือมีปัญหากับผู้ที่ก่อเหตุเลย เสี่ยโป้ ถูกผู้ก่อเหตุพยายามแทง 1 ครั้ง แล้วหลังจากนั้นก็เป็นปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งกันปกติ สำหรับการมายื่นเรื่องวันนี้ มี 2 ประเด็น ที่อยากให้กระทรวงยุติธรรมช่วยตรวจสอบ คือ เรื่องเสี่ยโป้ ถูกทำร้ายในเรือนจำ และ สิทธิมนุษยชน เสี่ยโป้ถูกคุมขังร่วมกับผู้ต้องขังเด็ดขาด ทั้งที่เสี่ยโป้เป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ นอกจากนี้สิ่งที่เสี่ยโป้ ถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษเด็ดขาดคือ ข้อจำกัดเรื่องการเข้าเยี่ยม เสี่ยโป้ เข้าเยี่ยมได้แค่เดือนละ 1 ครั้ง และมีการจำกัดจำนวนญาติ ข้อปฏิบัติคล้ายกับนักโทษเด็ดขาด ไม่ใช่นักโทษระหว่างพิจารณาคดี ทนายวิฑูรณ์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ได้แต่งเรื่อง เพื่อที่อยากจะย้ายเรือนจำ แต่ต้องการให้แยกแดนให้ชัดเจนระหว่าง นักโทษเด็ดขาดกับนักโทษที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ สำหรับการมายื่นเรื่องร้องเรียนหลังจากเกิดเหตุแล้วหลายเดือนนั้น เป็นเพราะว่า รอดูว่าเรือนจำนั้นจะย้ายเสี่ยโป้ แยกขังกับนักโทษเด็ดขาดหรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่แยกขัง จึงมายื่นเรื่องในวันนี้ ส่วนอาการป่วยของเสี่ยโป้ที่ไอเป็นเลือดนั้น นายวิฑูรย์ เปิดเผยว่าก่อนที่เสี่ยโป้จะเข้ามาในเรือนจำเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก่อนหน้านี้มีอาการป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจเคยมีการรักษารวมถึงเคยมีแพทย์มารักษาด้วยเช่นกัน แต่ปัจจุบันได้รักษาหายขาดเป็นที่เรียบร้อย ด้าน นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม เผยว่า ตามหลักการควรจะมีการแยกคุมขัง ระหว่างผู้ต้องขังระหว่าง กับผู้ต้องขังคดีเด็ดขาด แต่เรือนจำกลางบางขวาง มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่คุมขัง จึงไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ หรือ แยกขังได้ชัดเจน สำหรับเรื่องที่เสี่ยโป้ถูกทำร้ายหรือเจ็บป่วย แล้วไม่ได้รับการรักษา และเรื่องข้อจำกัดในการเข้าเยี่ยมนั้น เรื่องนี้จะส่งถึงรัฐมนตรี ผู้ว่าการกระทรวงยุติธรรม ก่อนจะส่งเรื่องให้ทางผบ. เรือนจำกลางบางขวางดำเนินการตรวจสอบในวันนี้เลย ต่อมา ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ถึงกรณีที่ทนายความของเสี่ยโป้มาร้องกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า ทาง กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีข้อมูลเรื่องที่ว่ามีนักโทษใช้อาวุธลอบทำร้ายเสี่ยโป้ แต่ที่รับรายงานมีเพียงการทะเลาะวิวาทกันภายในเรือนจำเท่านั้น และเรือนจำบางขวางเป็นเรือนจำความมั่นคงสูงมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการร้องเรียนมาก็จะต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจน และ ข้อกังวลที่ ต้องการแยกนักโทษระหว่างกับนักโทษเด็ดขาดนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุ แดน 10 แดนที่เสี่ยโป้อยู่เป็นแดนของผู้ต้องขังระหว่าง ซึ่งแยกกับผู้ต้องขังเด็ดขาดอยู่แล้ว และเมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะย้ายเสี่ยโป้ไปเรือนจำอื่นหรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุว่าการย้ายนักโทษต้องดูตามหลักเกณฑ์ เรื่องนิสัยของผู้ต้องขัง และเรื่องความปลอดภัยว่า เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาหลายส่วนอย่างละเอียด