ลุงวัย 67 ปี วูบตกเรือจมน้ำ ก่อนเสียชีวิตพูดเป็นลาง

วันที่ 30 ก.ค. 2567 เวลา 13:51 น.

ลุงวัย 67 ปี วูบตกเรือจมน้ำ หลังออกไปวางลอบดักปู โหมทำงานทั้งที่เพิ่งหายป่วยออกจาก รพ. ได้เพียง 5 วัน เคยพูดเป็นลางคล้ายสั่งเสียกับลูก ๆ ไม่ทำกินก็อดตาย วันนี้ (30 ก.ค.67) ร.ต.อ.เอกลักษณ์ วงสา รองสารวัตรสอบสวน สภ.ขลุง จ.จันทบุรี พร้อมด้วยอาสากู้ชีพขลุงมูลนิธิ ร่วมกับชาวประมงพื้นบ้าน นำเรือท้องแบนออกตรวจสอบภายในคลองป่าชายเลน ลุ่มน้ำเวฬุ พื้นที่หมู่ 10 ต.เกวียนหัก อ.ขลุง จ.จันทบุรี หลังรับแจ้งพบมีคนจมน้ำเสียชีวิต ติดกับทุ่นลอยเลี้ยงหอยของชาวบ้าน การเดินทางไปยังจุดที่พบศพ ต้องขับเรือเข้าไปใช้เวลาประมาณ 10 นาที เป็นปากแม่น้ำลุ่มน้ำเวฬุ ติดกับป่าชายเลน ที่ชาวบ้านทำฟาร์มเลี้ยงหอย ระดับน้ำลดลงถึงพื้นทราย พบร่างผู้เสียชีวิตเพศชาย 1 คน อยู่ในสภาพนอนหงาย สวมเสืัอคลุมสีเขียวกางเกงขาสั้น มือยังจับเชือกที่โยงติดกับลำเรือ ร้อยเวรเจ้าของสำนวนคดี ได้ตรวจสอบภายภาพบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำชาวบ้านที่มาพบศพ บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนประสานอาสาสมัครกู้ชีพนำร่างกลับขึ้นฝั่งส่งโรงพยาบาลขลุง เพื่อชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต ร.ต.อ.เอกลักษณ์ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายพร อายุ 67 ปี หลังพบร่างญาติได้เดินทางมายืนยันศพ  น.ส.มารตี กับ น.ส.จันทิมา อายุ 30 ปี ลูกสาวฝาแฝด ให้การว่า พ่อมีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เคยมีอาการวูบขณะขับเรือมาแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา อาการก็กำเริบอีกแต่ช่วยเหลือไว้ได้ทัน เนื่องจากมีเพื่อนบ้านนำเรือออกไปหลายลำ ช่วงเย็นวานนี้ (29 ก.ค.67) พ่อได้ออกเรือไปวางลอบดักปู ทั้งที่อาการป่วยยังไม่หายดี เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ 5 วัน พ่อเคยบ่นคล้ายสั่งเสียเสียว่า ไม่ค่อยมีเงินใช้ ต้องออกหาปูเพื่อเอาไปขาย ถ้าไม่ทำก็อดตาย จากนั้นได้ออกเรือไป กระทั่งตี 2 ก็ยังไม่กลับบ้าน ทำให้ลูก ๆ พากันเป็นห่วง โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณติดต่อไม่ได้ จึงปรึกษาพี่น้องตกลงกันว่า เมื่อฟ้าสว่างจะพากันออกไปดู จนรุ่งเช้าครอบครัวกับเพื่อนชาวประมงพื้นบ้าน ช่วยออกตามหา จนมาพบว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว จึงโทรแจ้งเจ้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ