ตำรวจผู้กล้า พ.ต.ท. กิตติ์ชนม์ ถูกชายคลั่งยิงเสียชีวิต
วันที่ 22 ก.ค. 2567 เวลา 07:02 น.
สนามข่าว 7 สี - เป็นบทเรียนราคาแพงอีกครั้งที่ตำรวจไทยต้องเสียมือปราบชั้นดีไปกับการเข้าระงับเหตุ แม้จะมีการยืนยันว่า ปฏิบัติถูกต้องตามยุทธวิธี ตำรวจที่ล้มลง คือ พันตำรวจโท กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม พยายามวิ่งเข้าไปคว้าตัว นายบุญมา หรือ เฮียตุ้ง อายุ 49 ปี ชายคลุ้มคลั่ง ซึ่งจับลูกสาวเป็นตัวประกัน แต่จังหวะเข้าไป ตัวประกันวิ่งสวนออกมา ทำให้ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังเกิดเหตุยังไม่มีตำรวจนายใดยืนยันว่า การเข้าระงับเหตุครั้งนี้เป็นไปตามยุทธวิธี แต่ตำรวจทุกนายก็ยอมรับในความกล้าหาญของ พันตำรวจโท กิตติ์ชนม์ ที่วิ่งนำหน้าลูกน้องเข้าระงับเหตุในทุกคดีด้วยตัวเอง แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม ขณะเดียวกัน เพจฯ ดังโพสต์ภาพเสื้อเกราะกันกระสุนของตำรวจ ซึ่งแผ่นป้องกันภายในมีลักษณะคล้ายกับไม้อัด พร้อมข้อความฝากไปถึง พี่ต่าย ว่า ตำรวจหลายพันนายลงความเห็นว่า น่าจะมียัดไส้มา ถ้ามีตำรวจที่โดนยิงจุดสำคัญมาจะทำอย่างไร ฝากถามไปถึงผู้บังคับบัญชา ทำไมทุจริตได้แม้กระทั่งความปลอดภัยของลูกน้อง กรณีดังกล่าว มีการตรวจสอบต้นทางของผู้โพสต์ พบว่า เป็นตำรวจยศ "สิบตำรวจเอก" ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.สว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร และเจ้าตัวยอมรับว่า ภาพดังกล่าวถูกส่งต่อกันมาหลายทอด จึงไม่ทราบที่มาอย่างชัดเจน จากการกระทำดังกล่าว ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดการตรวจสอบ เป็นเหตุให้เสียหายกับทางราชการ ถือเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ต้นสังกัดจึงลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือน ทั้งนี้ กองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกหนังสือชี้แจงทันที ยืนยัน ไม่เคยมีการจัดซื้อเสื้อเกราะหรือแผ่นเกราะป้องกันกระสุนที่นำแผ่นไม้เป็นวัสดุ อีกทั้ง ขั้นตอนการจัดซื้อ การตรวจรับเป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นไปตามมาตรฐานสากล เสื้อเกราะทุกตัวมีการรับประกัน แต่หากเกิดข้อสงสัยในคุณภาพ สามารถมาทดสอบและพิสูจน์ได้ที่กองสรรพาวุธ ส่วนสาเหตุ นายบุญมา เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ตำรวจต้องรอผลการพิสูจน์จากแพทย์ แต่จากคำบอกเล่าของเพื่อนข้างบ้าน (ร้านขายของชำ) ที่ นายบุญมา มานั่งดื่มสุราและปรับทุกข์ด้วยกันบ่อย ๆ บอกกับทีมข่าวว่า นายบุญมา ชอบเสพไอซ์ จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้คลุ้มคลั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยมอบเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต จำนวน 4,577,210 บาท พร้อมปูนบำเหน็จ เลื่อนเงินเดือน 6 ขั้น ขอพระราชทานยศ เป็น พลตำรวจเอก ส่วน ผบ.หมู่ ป. สน.ท่าข้าม ที่ได้รับบาดเจ็บ มอบเงินเยียวยาให้ 33,000 บาท และดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ พร้อมสั่งถอดบทเรียนป้องกันการสูญเสียต่อไป