องคมนตรี ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ฯ ที่จังหวัดลพบุรี
วันที่ 19 ก.ค. 2567 เวลา 20:08 น.
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการมูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ฯ ณ โรงพยาบาลพัฒนานิคม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชน ขนาด 60 เตียง มีสถานีอนามัยเครือข่ายประจำทุกตำบล 11 สถานีอานามัย ให้บริการตรวจสุขภาพและโรงพยาบาลแม่ข่ายของศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 11 จังหวัดลพบุรี จากนั้น เป็นประธานเปิด "โครงการ save ทุกดวงใจไทย" ณ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 11 อำเภอพัฒนานิคม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโครงการฯ เมื่อเดือนธันวาคม 2566 มีมูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ฯ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดกิจกรรมดูแลสุขภาพของเด็กและเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน และในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ โอกาสนี้ เชิญตะกร้าสิ่งของและเสื้อ "save ทุกดวงใจไทย" พระราชทานไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ วิทยากร เด็ก และเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยวันนี้ มีผู้ทรงคุณวุฒิ และวิทยากรจากหน่วยงานต่าง ๆ ไปอบรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 11 และจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสระบุรี รวม 78 คน ด้านการพัฒนาจิตใจ, ฝึกทักษะการสังเกต วิเคราะห์ วางแผน และแก้ไขปัญหาอย่างมีระบบ จากนั้น ตรวจเยี่ยม "ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 11" ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกและอบรมฯ เฉพาะทางในการแก้ไข บำบัด และฟื้นฟูผู้กระทำผิด มีเด็กและเยาวชนอยู่ในความดูแล 49 คน มีการประเมินภาวะสุขภาพแบบองค์รวม คัดกรองและจำแนกการใช้ยาเสพติดในเด็กและเยาวชน วางแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูรายบุคคล รวมถึงตรวจปัสสาวะ มีโรงพยาบาลพัฒนานิคม เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย เข้าไปตรวจสุขภาพให้เป็นประจำ ต่อจากนั้น เดินทางไปยังโรงพยาบาลชัยบาดาล อำเภอชัยบาดาล โรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำอำเภอชัยบาดาล มีบริการตรวจรักษาด้วยระบบ Telemedicine เพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของผู้ต้องขัง เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษา ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล สามารถได้รับการวินิจฉัยและตรวจรักษาจากแพทย์และแพทย์เฉพาะทาง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีห้องสำหรับแยกรักษาผู้ต้องขังจากผู้ป่วยทั่วไป ในช่วงบ่าย ไปตรวจเยี่ยมเรือนจำอำเภอชัยบาดาล ซึ่งควบคุมผู้ต้องขังกำหนดโทษไม่เกิน 15 ปี ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังชาย-หญิง 1,059 คน สถานพยาบาลฯ มีพยาบาลวิชาชีพ 2 คน, นักจิตวิทยา 1 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ 70 คน มีโรงพยาบาลชัยบาดาล เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย ส่งแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เข้าไปตรวจรักษาโรคทั่วไป เดือนละ 2 ครั้ง, ทันตกรรม เดือนละ 1 ครั้ง และแพทย์จากโรงพยาบาลอานันทมหิดล จังหวัดลพบุรี ไปตรวจวัดสายตาปีละ 2 ครั้ง และมีการคัดกรองสุขภาพจิตในผู้ต้องขังแรกรับ และประเมินสุขภาพจิตด้วยแบบคัดกรองทุกคน ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังป่วยทางจิตเวช 36 คน ได้รับการดูแลรักษาทุกคน ด้านการป้องกันและควบคุมโรคที่สำคัญ มีการคัดกรองโรคเอชไอวี, ซิฟิลิส, ไวรัสตับอักเสบซี และวัณโรค ในผู้ต้องขังทุกคน ปัจจุบัน ไม่พบเชื้อดังกล่าว จากนั้น เดินทางไปยังเรือนจำกลางลพบุรี อำเภอเมือง ซึ่งควบคุมผู้ต้องขังเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย กำหนดไม่เกิน 20 ปี ปัจจุบัน มีผู้ต้องขัง รวม 2,245 คน สถานพยาบาลมีพยาบาลวิชาชีพ 5 คน นักจิตวิทยา 1 คน และอสรจ. 96 คน มีโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย เข้าไปตรวจสุขภาพแก่ผู้ต้องขัง อาทิ คัดกรองเชื้อเอชไอวี, ซิฟิลิส และไวรัสตับอักเสบซี, ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และวัคซีนหัดเยอรมัน ในกลุ่มผู้ต้องขังอายุระหว่าง 20-40 ปี สำหรับผู้ต้องขังหญิงได้รับการคัดกรองมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก มีการตรวจรักษาโรคทั่วไปและทันตกรรม เดือนละ 4 ครั้ง, มีการคัดกรองสุขภาพจิตในผู้ต้องขังแรกรับและประเมินสุขภาพจิตด้วยแบบคัดกรอง ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่มีปัญหาทางจิตเวช 83 คน ได้รับการดูแลรักษาครบทุกคน ด้านการบำบัดและฟื้นฟูยาเสพติด จัดกิจกรรมการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังโดยใช้อาชีวบำบัด และศาสนบำบัด ต่อจากนั้น เดินทางไปยังโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ขนาด 561 เตียง ให้บริการตรวจสุขภาพตามหลักสิทธิมนุษยชนแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางลพบุรี อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม มีห้องสำหรับแยกรักษาผู้ต้องขังจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อเป็นการพิทักษ์สิทธิ์ผู้ป่วยและด้านความปลอดภัย ปัจจุบัน ไม่มีผู้ต้องขังเข้าพักรักษา