ศาลสั่งจำคุก 18 เดือน รอลงอาญา 3 ปี คดีเจ้าของฟาร์มหมูฝังศพผีน้อยชาวไทยไว้ในฟาร์ม
วันที่ 18 ก.ค. 2567 เวลา 17:33 น.
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน เจ้าของฟาร์มหมู จำคุก 18 เดือน รอลงอาญา 3 ปี คดีฝังศพลูกจ้างชาวไทย เจ้าตัวเผยหลังพบลูกจ้างเสียชีวิตภายในห้องพัก ตนก็ไม่กล้าแจ้งความเพราะลูกจ้างเป็นผีน้อย จึงได้ฝังศพไว้ในฟาร์ม วันนี้ (18 ก.ค. 67) สำนักข่าว Korea Times รายงานว่า ศาลอุทธรณ์ในเมืองอึยจองบู จังหวัดคย็องกี ประเทศเกาหลีใต้ มีคำพิพากษาคดีทิ้งศพในฟาร์ม เมื่อวันศุกร์ (12 ก.ค. 67) ที่ผ่านมา โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 18 เดือน รอลงอาญา 3 ปี เจ้าของฟาร์มหมู หลังอัยการนำตัวส่งฟ้องในความผิดฐานทิ้งศพลูกจ้างชาวไทย กรณีฝังศพลูกจ้างชาวไทยในฟาร์มของตน นอกจากนี้ ลูกชายของเจ้าของฟาร์มหมู ซึ่งช่วยในการเคลื่อนย้ายและจัดการศพก็ได้รับโทษจำคุก 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว มีการแจ้งความคนหายซึ่งเป็นคนงานไทยกับตำรวจในเมืองโพชอน จังหวัดคย็องกี ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นที่ตั้งของฟาร์มหมูแห่งนี้ และต่อมาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบศพในทุ่งใกล้กับฟาร์มหมูดังกล่าว จนสุดท้ายเจ้าของฟาร์มหมูก็รับสารภาพว่า ตนได้ฝังศพลูกจ้างชาวไทยไว้ หลังลูกจ้างคนดังกล่าวถูกพบเสียชีวิตในห้องพัก ทางเจ้าของฟาร์มหมู เผยว่า ที่เขาไม่แจ้งความเรื่องการตายของลูกจ้างชาวไทยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เนื่องจากกลัวบทลงโทษฐานจ้างคนงานที่ไม่มีเอกสาร จากการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เผยว่า ลูกจ้างชาวไทยคนดังกล่าวเสียชีวิตจากปัญหาด้านสุขภาพ และไม่พบร่องรอยของการถูกล่วงละเมิดหรืออาชญากรรม โดยผีน้อยคนนี้เดินทางมายังเกาหลีด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวในปี 2556 และทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งนี้มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว โดยได้รับค่าจ้าง 1.8 ล้านวอนต่อเดือน หรือประมาณ 46,000 บาท และผู้ตายได้วางแผนจะกลับบ้านที่ไทยในปลายเดือนที่เสียชีวิต ทางชาวเกาหลีใต้ต่างตกใจกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ โดยเน้นย้ำถึงสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่น่าสยดสยองของผีน้อยชาวไทยที่เสียชีวิต โดยผีน้อยคนนี้ต้องรับผิดชอบดูแลหมูถึง 1,000 ตัว ซึ่งรวมถึงแม่หมูที่ตั้งท้องหลายสิบตัว และยังต้องดูแลลูกหมูแรกเกิดและทำความสะอาดมูลหมูอีกด้วย ซึ่งภายในหนึ่งวันผู้ตายมักจะทำงานกว่า 12 ชั่วโมง ขณะที่ห้องพักและห้องครัวของผู้ตายนั้นตั้งอยู่ที่เดียวกับคอกหมู ซึ่งแทบไม่แยกจากกันเลย โดยห้องพักของผู้ตายมีขนาดเล็กเล็กและมีกลิ่นมูลหมู ขณะที่ห้องน้ำนั้นอยู่ด้านนอกตัวอาคารอีกทีและไม่มีฝักบัว ขณะที่ “คิม ดัล ซุง” บาทหลวงคริสต์นิกายเมธอดิสต์ที่สนับสนุนแรงงานข้ามชาติ วิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาลว่าการกระทำดังกล่าวจะสร้างผลเสียต่อผีน้อยในประเทศเกาหลีใต้ และกล่าวว่าจากข้อมูลของกระทรวงการจ้างงาน แรงงาน ประมาณ 420,000 คนถือวีซ่าทำงานที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในโรงงานและฟาร์มที่ชาวเกาหลีใต้นั้นไม่ทำงาน เนื่องจากลักษณะงานสกปรกและอันตราย และหากไม่มีการปรับปรุงก็จะมีแรงงานเสียชีวิตอยู่เรื่อย ๆ และได้อ้างถึงเหตุเพลิงไหม้โรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมในเมืองฮวาซอง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 23 คน ซึ่งเป็นผีน้อย 18 คน