จำคุก 2 ปี 6 เดือน “สีกาตอง” กรรโชกทรัพย์ “อดีตพระกาโตะ” ส่วนพี่ชาย เจอคุก 1 ปี ให้รอลงอาญา 2 ปี

วันที่ 17 ก.ค. 2567 เวลา 12:02 น.

ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน “สีกาตอง” กรรโชกทรัพย์ “อดีตพระกาโตะ” ปรับ 3 หมื่นบาท ส่วนพี่ชาย เจอคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท ให้รอลงอาญา 2 ปี ด้าน สีกาตอง สัญญาจะไม่ทำผิดอีก จากนี้ขอไปเริ่มชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ วันนี้ (17 ก.ค.67) ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีกรรโชกทรัพย์ หมายเลขดำ อ. 3450/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.วีรินทร์ชิตา หรือ สีกาตอง และนายสาธิต พี่ชายสีกาตอง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยอัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลยทั้งสอง สรุปความว่า ระหว่างวันที่ 5 เม.ย.65 - 21 เม.ย.65 จำเลยที่ 1 ได้บังอาจขืนใจ อดีตพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดัง ผู้เสียหาย โดยพูดขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายมอบเงินสด จำนวน 180,600 บาท ให้จำเลยที่ 1 มิฉะนั้นจะเปิดเผยคลิปสนทนาเชิงชู้สาว และภาพถ่ายข้อความเชิงสนทนาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปทราบ จะทำให้ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นกำลังบวชเป็นพระภิกษุ และเป็นพระนักเทศน์ชื่อดังมีประชาชนให้ความเคารพนับถือ  ต้องถูกปลด หรือสึกจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ และเสื่อมเสียชื่อเสียง ผู้เสียหายจึงยอมให้เงินแก่จำเลยที่ 1 หลายครั้งหลายหน รวม 180,600 บาท คำฟ้องระบุอีกว่า นอกจากนี้ จำเลยทั้งสองได้พูดขู่เข็ญกับผู้เสียหายอีกว่า จำเลยที่ 2 เป็นพี่ชายจำเลยที่ 1 รู้เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ และเชิงชู้สาวระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 หากผู้เสียหายยินยอมจ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาท จำเลยที่ 2 จะให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นน้องสาวยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะให้น้องสาวเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีก ทำให้ผู้เสียหายกลัวจะได้รับความเสียหาย ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อตัวเองและครอบครัว จึงได้ยอมมอบเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่จำเลยที่ 1 ไป เหตุเกิดที่ ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่ผู้เสียหายด้วย จำเลยทั้งสองได้ปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว แต่ภายหลังให้การรับสารภาพต่อศาล โดยผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 3 หมื่นบาท โดยให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงิน 2 หมื่นบาท จำเลยที่ 2 ชดใช้เงิน 1 หมื่นบาท และผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยทั้งสองอีก ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจ  ประวัติการศึกษา สภาพครอบครัวฯ ของจำเลยทั้งสอง แล้วรายงานให้ศาลทราบเพื่อใช้พิจารณาประกอบคำพิพากษา วันนี้ น.ส.วีรินทร์ชิตา และ นายสาธิต เดินทางมาศาลตามกำหนดนัด ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงตามฟ้อง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม พิพากษาลงโทษในข้อหากรรโชกทรัพย์ สั่งจำคุก 2  ปี ปรับ 2 หมื่น บาท  ข้อหารีดเอาทรัพย์ลงโทษจำคุก 3  ปี ปรับ 4 หมื่น บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลลงโทษข้อหาข่มขืนใจ สั่งจำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท  จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ปรับ 3 หมื่นบาท ส่วนจำเลยที่ 2 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท พิเคราะห์ การสืบเสาะพฤติกรรมของจำเลย พบว่า ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน  พฤติกรรมไม่ร้ายแรง และได้เยียวยาโจทก์จนเป็นที่พอใจและโจทก์ไม่ติดใจ เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุก ให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งในเวลา 1 ปี ให้ทำกิจกรรมบริการสังคม สาธารณประโยชน์ 24 ชั่วโมง และเข้าร่วมกิจกรรมแก้ไขฟื้นฟู ตามที่เจ้าพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร  ส่วนคำขออื่นให้ยก ภายหลังฟังคำพิพากษา น.ส.วีรินทร์ชิตา ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ที่ผ่านมาได้ไกล่เกลี่ยกันไปแล้วบางส่วน มีการจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้โจทก์ร่วมแล้ว และก็ได้พูดคุยกัน ปรับความเข้าใจต่อกันทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาจะเป็นการพูดคุยกันผ่านบุคคลอื่นไม่ได้พูดคุยกันจริง ๆ แต่พอได้พูดคุยกันใหม่ก็เข้าใจต่อกันดี ทั้งฝั่งโจทก์ร่วมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว และได้ถอนฟ้องในมาตรา 309 วรรคหนึ่ง ”ข่มขืนใจโดยทำให้กลัว“ ไปแล้ว ซึ่งถือว่าวันนี้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ทางศาลก็ได้ตัดสินไปแล้ว เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยอย่างอื่นนอกเหนือทางคดีหรือไม่ น.ส.วีรินทร์ชิตา บอกว่า ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยหลังจากปรับความเข้าใจกัน และตอนนี้ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตใหม่กันแล้ว อยากให้ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนของกันและกัน และสัญญาว่าจะไม่กระทำความผิดใด ๆ อีก พร้อมขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา และทนายความ ครอบครัว รวมถึงทุกคนที่ให้กำลังใจ จากนี้ขอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ