รวบแม่ค้าออนไลน์ไม่ส่งของลูก เอาเงินใช้จ่ายส่วนตัวผู้เสียหายกว่า 80 ราย

วันที่ 13 ก.ค. 2567 เวลา 12:45 น.

ตำรวจสืบนครบาลรวบแม่ค้าออนไลน์ไม่ส่งของลูก สารภาพไม่มีของกับตัว ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง เพราะเอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ตำรวจสืบนครบาลร่วมกับ  ชุดปฏิบัติการที่ 2 และนักเรียนอบรมหลักสูตร TOP G ดำเนินการจับกุม นางสาวเนตรนภา หรือหญิง อายุ 28 ปี ที่หน้าบ้านพัก ซอยศิริ 3 หมู่ 8 ต.โพนข่า อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้ทำการลงประกาศขายสินค้าเป็นเครื่องปั๊มนม ราคาประมาณ 3,000 บาท ขายในแฟลตฟอร์มเฟซบุ๊ก จากนั้น ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อไปซื้อและได้ทำการโอนเงินไปที่บัญชีชื่อ นางสาวเนตรนภา เมื่อโอนเงินไปแล้วปรากฏว่าผู้เสียหายไม่ได้รับสินค้าตามที่ได้ตกลงกับผู้ขาย และไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้อีกจึงเชื่อได้ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินไปทำให้เกิดความเสียหาย จึงมาพบพนักงานสอบสวน สภ. คลองหลวง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตรวจสอบผ่านรับสารสนเทศตำรวจ และ www.blacklistseller.com พบผู้เสียหายในหลายพื้นที่กว่า 80 ราย โดยมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 37,000 บาท ในชั้นจับกุมผู้ต้องหารับว่า ตนเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ สินค้าประเภทกิฟท์ช็อปและเครื่องประดับ  จะโพสต์ขายของตามเพจเฟซบุ๊คต่างๆ แต่ว่าตนไม่มีสินค้าอยู่กับตัว ถ้ามีลูกค้าสั่งสินค้า ตนก็จะสั่งของจากที่อื่นเพื่อส่งให้ภายหลัง แต่ก็ไม่ได้ส่งให้ทุกครั้ง เพราะบางครั้งก็จะเอาเงินมาใช้จ่ายส่วนตัวก่อน จากนั้นได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบในระบบ ยังพบว่ามีหมายจับอีก 3 หมาย 1)  ศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ.148/67 ลง 24 เม.ย.67 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” 2) ศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 297/64 ลง 4 พ.ย.64 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” 3) ศาลอาญา ที่ 2824/2565 ลง 19 ธ.ค.65 “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนภัยถึงการหลอกขายของออนไลน์ที่พบว่ามีสถิติเป็นอันดับ 1 ของภัยอออนไลน์ ซึ่งขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่าเห็นแก่ของถูก มีสติ เพราะมิจฉาชีพที่เข้ามาหาทุกรูปแบบ ทุกช่องทาง กับสินค้าและการบริการที่นับวันมีความใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน ควรพิจารณาเลือกซื้อสินค้าและบริการจากแหล่ง ข้อมูลข่าวสารที่เชื่อถือและสามารถจับต้องสินค้าได้จริงเท่านั้น