ลุ้นปล่อยตัวผู้ต้องหาขโมยลูกชิ้นยืนกิน
วันที่ 12 ก.ค. 2567 เวลา 07:35 น.
สนามข่าว 7 สี - ตามกันต่อคดี นายบุญเที่ยง อายุ 50 ปี ขโมยลูกชิ้นยืนกิน มูลค่า 300 บาท ไปเลี้ยงครอบครัวและแบ่งให้พ่อกับแม่ อยู่ในวัยชราภาพ ฐานะยากจน โดยเฉพาะแม่ป่วยติดเตียง ซึ่งตำรวจจำใจต้องดำเนินคดี เพราะมีหลักฐานชัดเจน ล่าสุด นายกสภาทนายความยื่นมือเข้าช่วยดูแลคดี มีลุ้นว่าจะได้รับการปล่อยตัว ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ มอบหมาย นายพลกฤต เนาว์ประโคน ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ดูแลเรื่องคดีของ นายบุญเที่ยง ผู้ต้องหาขโมยลูกชิ้น หลังทราบว่าศาลฯ อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ไม่มีหลักประกัน จึงไม่เคยยื่นประกันตัว ทำให้ถูกขังในเรือนจำ ระหว่างฝากขังมาตลอด 48 วัน นับตั้งแต่ถูกจับกุมวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยวันนี้ (12 ก.ค.) ครบฝากขังพอดี ทางทนายเตรียมไปพบผู้ต้องหาเพื่อช่วยเหลือเรื่องกฎหมายและความเป็นอยู่ ด้านอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ สั่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ สอบเพิ่มเติมในข้อเท็จจริงและเหตุจูงใจกระทำผิด คาดว่าน่าจะฟ้องไม่ทันกำหนดฝากขัง 4 ผัด 48 วัน ส่งผลให้ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อน ทั้งนี้ หากการพิจารณาได้ความว่าผู้ต้องหาทำไปเพราะยากจนแสนเข็ญ ไม่เคยมีประวัติอาชญากรมาก่อน อาจเข้าข่ายเป็นคดีที่ฟ้องไปไม่เป็นประโยชน์ ซ้ำผู้ต้องหาถูกขังมานานพอแล้ว อัยการไม่ต้องสั่งฟ้องได้ ขณะที่เมื่อวาน (11 ก.ค.) พลตำรวจตรี รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรบุรีรัมย์ มอบหมายให้ ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ นำข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่ม ไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้ต้องหา แต่เรื่องคดี กรณีนี้มีหลักฐานชัดเจน ตอนนั้นไม่มีใครทราบว่าประวัติของผู้ต้องหาเป็นอย่างไร พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหา "ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ" ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน เป็นคดีความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ถึงแม้ต่อมาเจ้าของร้านลูกชิ้นจะขอถอนแจ้งความก็ตาม ส่วนผลของคดีขึ้นอยู่กับศาลเป็นผู้พิจารณา ด้าน นายสมหมาย อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหา ขอใช้คำว่า "กลาง ๆ" มักแอบตัดไม้ในที่สาธารณะมาเผาถ่านขายหลายครั้ง จนต้องรายงานที่ประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นประจำ ส่วนพฤติกรรมหลังย้ายไปอยู่ภรรยาใหม่ในตัวเมือง ตนเองไม่ทราบ