รวบ ติ๊ก นาวา ขโมยพระบรมฉายาลักษณ์ อายุ 120 ปี

วันที่ 10 ก.ค. 2567 เวลา 06:44 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ไปดูการจับกุม "ติ๊ก นาวา" คนขับรถเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดังกันหน่อย ตำรวจใช้คำว่า "โจรรายนี้ทำตัวเหมือนจอมโจรลูแปง ในภาพยนตร์" ที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ในบ้านของเป้าหมาย ก่อนวางแผนชิงทรัพย์วัตถุโบราณ ซึ่งคดีนี้ก็คือ ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมลายพระปรมาภิไธยโบราณ อายุ 120 ปี เพื่อนำไปขายตลาดมืด ก็สิ้นลายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติกันเลย สำหรับการเข้าจับกุมตัว นายนาวา หรือ "ติ๊ก นาวา" อายุ 36 ปี คนขับรถเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจก็สะกดรอยหาตัวมาตั้งแต่ปั๊มน้ำมัน ขับไปตามเส้นทางถนนเพชรเกษม จนใกล้ ๆ จะถึงที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ใช้แผนขับรถ 3 คัน ประกบด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง บังคับให้อีกฝ่ายจอดรถ ก่อนรวบตัวได้ในที่สุด ส่วนสาเหตุที่ต้องจับกุม ติ๊ก นาวา ก็เพราะตำรวจรับแจ้งว่ามีคนร้ายขโมยภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมลายพระปรมาภิไธยโบราณ อายุ 120 ปี ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดัง จำนวน 4 ภาพ ออกไปจากคฤหาสน์หรูย่านอุดมสุข เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไปขายต่อในตลาดมืด เลยทำการสืบสวนจนเจอว่า คนร้ายใช้วิธีการอย่างแยบยล เริ่มจากการวางเพลิงห้องควบคุมไฟฟ้า เพื่อให้ระบบภาพกล้องวงจรปิดไม่ทำงาน ระหว่างนั้นจะเข้าประกบเจ้านาย ทำทีห่วงใย พาออกจากคฤหาสน์ แล้วย้อนกลับมาขโมยสมบัติไปขายตลาดมืด และกลับมาทำงานตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เบื้องต้นจากการซักถาม ติ๊ก นาวา ยอมรับแต่โดยดีว่าทำแบบนั้นจริง ๆ โดยได้นำภาพโบราณของผู้เสียหายไปขายผ่านร้านค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ ในราคา 100,000 บาท แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากคฤหาสน์มีทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่ามากกว่า แต่กลับเล็งภาพโบราณคล้ายมีใบสั่ง จึงเตรียมขยายผลสืบสวน ส่วนเหตุที่ว่าทำไม ติ๊ก นาวา ถึงได้รับความไว้วางใจขนาดนั้น ก็เพราะตอนที่มาทำงานเมื่อปี 2565 เปิดตัวมาด้วยบุคลิกพูดจาอ่อนหวาน ขยันขันแข็ง มีความรับผิดชอบ ใช้เวลาปีเศษก็ได้รับความไว้วางใจ ให้เข้า-ออกคฤหาสน์ได้ กระทั่งพบสมบัติล้ำค่าถูกเก็บรักษาอยู่ภายใน จึงเกิดการวางแผนชิงทรัพย์ขึ้น ทีมข่าวตามไปดูที่ สน.บางนา พบว่าตำรวจได้พิมพ์มือทำประวัติผู้ต้องหา และนำตัวเข้าห้องควบคุมทันที เช้าวันนี้จะเริ่มสอบปากคำ แล้วนำตัวไปฝากขัง ระหว่างที่ นายนาวา อยู่ในห้องขัง เจ้าตัวมีอาการเครียด แต่พยายามนอนหลับ โดยมีผู้ต้องหาคดีอื่น ๆ อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ อีก และจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ ก็ยังพบว่าต้องโทษคดีอาญา 2 คดี คือ เป็นเจ้ามือ หรือจัดให้มีการเล่นพนัน และข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนด ห้ามออกจากเคหสถานในเวลาที่กำหนด และขับรถในขณะเมาสุราอีกด้วย