ครม.สัญจร วุ่น! ม็อบโพแทช ปิดทางเข้า

วันที่ 2 ก.ค. 2567 เวลา 16:45 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - การประชุม ครม.สัญจร เมื่อเช้า ที่จังหวัดนครราชสีมา หวิดวุ่น "ม็อบโพแทช" ปิดทางเข้าสถานที่การประชุม จนทำให้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ต้องสับเปลี่ยนเส้นทาง ครม.สัญจร วุ่น! ม็อบโพแทชปิดทางเข้า กลุ่มชาวบ้านอำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง และด่านขุนทด ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่โพแทช เดินทางมารวมตัวชุมนุม เรียกร้องบริเวณประตูทางเข้าหอประชุมราชภัฏรังสฤษฎ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ประชุม ครม.สัญจร เพื่อต้องการยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หากนายกฯ ไม่ออกมารับหนังสือ ทางกลุ่มจะเผาหนังสือ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนอื่นเข้าประตูอื่น จากนั้น นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางมารับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมนำเกลือที่ขึ้นในนาข้าวจากผลกระทบการทำเหมืองโพแทชมากองหน้ารัฐมนตรี พร้อมประกาศข้อเรียกร้องว่า ขอให้มีคำสั่งยกเลิกแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ฉบับที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแร่โพแทชทั้งหมด และเปิดโอกาสให้สำรวจแร่และทำเหมืองแร่โพแทชในพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในเขตแหล่งแร่ พร้อมขอให้เร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการทำเหมืองแร่โพแทช ในพื้นที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา อย่างเร่งด่วน นายกฯ เร่งปราบยาเสพติด แนะให้นักเรียนปฏิญาณตน จากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ทันทีที่เริ่มประชุม นายกฯ ได้สั่งการว่า เรื่องการปราบปรามยาเสพติด เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนและสำคัญของรัฐบาล โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบร่วมมือกับตำรวจ และประชาชนในพื้นที่ เพื่อ X-ray ทุกพื้นที่ ระดมตรวจปัสสาวะกลุ่มเสี่ยงทุกคนที่อายุ 16 ปี ขึ้นไป ในทุกหมู่บ้าน แยกผู้เสพออกมารับการบำบัด ขยายผลจับกุมผู้ขายและป้องกันผู้เสพใหม่ ต้องปลูกฝังค่านิยมคุณค่าใหม่ "เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด" ขอให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยกันสนับสนุนการกวาดล้างยาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น ให้นักเรียนปฏิญาณตนหน้าเสาธงทุกเช้า นายกฯ ลั่นพร้อมให้ตรวจสอบ หลังฝ่ายค้านจ่อซักฟอก ภายหลังการประชุม นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านประกาศเตรียมจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะมีการตรวจสอบการใช้งบประมาณปี 2567 อย่างเข้มข้นว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน แต่สำหรับตนและรัฐบาลพร้อมให้ตรวจสอบ ส่วนกรณีของ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี แต่มีคดีค้างเก่าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และมีการประทับรับฟ้องไว้ อาจทำให้ นายชาญ อาจต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น นายเศรษฐา บอกว่า เมื่อมีปัญหาข้อกฎหมายก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่โดยส่วนตัวไม่รู้จัก นายชาญ เป็นการส่วนตัว จึงไม่ได้โทรศัพท์พูดคุยแสดงความยินดี แต่พร้อมที่จะพัฒนาร่วมกัน เลขาฯ กฤษฎีกา ยัน "ชาญ" ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เรื่องของ นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวยืนยันว่า เมื่อไหร่ที่ นายชาญ เข้ารับตำแหน่ง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เพราะไม่ต้องการให้ยุ่งเหยิงกับคดีที่ผ่านมา และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ถือเป็นหลักกฎหมายปกติ ซึ่งปลัด อบจ.ปทุมธานี จะทำหน้าที่แทนไปก่อน "ภูมิธรรม" อุ้ม "ชาญ" ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย บอกว่า นายชาญ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม เพราะศาลยังไม่ได้มีคำสั่งออกมา ต้องให้ศาลสั่งเท่านั้น ส่วนความเห็นที่ระบุว่าหากกลับเข้ามาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา นายชาญ ยังมีสิทธิ ตอนนี้ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของศาล แต่หากศาลมีคำสั่งชัดเจนว่าผิด ก็ถือว่าจบ ผลที่สุดอย่างไรต้องให้ศาลสั่ง ไม่ใช่คณะกรรมการกฤษฎีกามาบอก