สูญเงิน 22.8 ล้านบาท ! แก๊งคอลฯ หลอกอดีตอาจารย์

วันที่ 24 มิ.ย. 2567 เวลา 16:22 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ผู้สูงอายุ ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ค่อนข้างถี่มากในช่วงนี้ รายล่าสุด เป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อายุ 76 ปี ถูกหลอกให้โอนเงินเกือบ 23 ล้านบาท ให้ไปเบิกเงินออกจากสหกรณ์ออมทรัพย์ของมหาวิทยาลัย และให้ตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อลุกมาโอนเงินตอนเที่ยงคืน อาจารย์สุ อายุ 76 ปี เป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เกษียณราชการมาแล้ว มีเงินเก็บที่ฝากสะสมไว้ตลอดอายุราชการ ในสหกรณ์ออมทรัพย์ของมหาวิทยาลัย เกือบ 23 ล้านบาท แต่เพียงแค่ชั่วระยะเวลาเพียงแค่ 11 วัน จากวันที่ 2-13 มิถุนายน เงินเกือบ 23 ล้าน มลายหายสิ้นไป เพราะว่าอาจารย์สุ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินมากถึง 22 ล้าน 8 แสนบาท แก๊งคอลเซนเตอร์ เริ่มต้นโทรศัพท์มาหลอกอาจารย์สุ ช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน โดยก่อนโทรหาอาจารย์สุ แก๊งคอลเซนเตอร์โทรหาภรรยาของอาจารย์สุ ซึ่งอยู่คนละบ้านกัน อ้างว่าเป็นคอลเซนเตอร์ของค่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง แต่ภรรยาบอกว่าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน จึงตัดสายทิ้ง จากนั้นช่วงบ่าย แก๊งคอลเซนเตอร์ก็โทรหาอาจารย์สุ อ้างว่าเป็นคอลเซนเตอร์จากค่ายโทรศัพท์มือถือ แล้วหลอกว่า อาจารย์สุโดนนำบัตรประชาชนไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่นครสวรรค์ และนำไปทำผิดกฎหมาย จึงให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่ออาจารย์สุบอกว่าไม่สะดวก ก็เข้าทางแก๊งคอลเซนเตอร์ที่บอกว่า ตำรวจมีบริการรับแจ้งความออนไลน์ จากนั้นก็โอนสายให้คนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ คนที่อ้างเป็นตำรวจ หลอกต่อว่า อาจารย์สุ ไปเปิดบัญชีธนาคาร นำมารับเงินจากการค้ายาเสพติดยาบ้า 200,000 เม็ด จำนวนเงิน 8.5 ล้าน โดยเปิดบัญชีธนาคารที่จังหวัดจันทบุรี พร้อมกับบอกว่า จะให้ ปปง. ตรวจสอบเงิน และขู่ว่าถ้าไม่ให้ตรวจสอบจะกระทบครอบครัว ลูกเมีย ญาติพี่น้อง จากนั้นให้แอดไลน์ ซึ่งในไลน์ที่อาจารย์สุ แอดมานั้นระบุเป็น สภ.นครสวรรค์ เมื่อแอดไลน์กันแล้ว แก๊งคอลเซนเตอร์ก็ส่งหมายศาลปลอมมาให้ ซึ่งในหมายศาลปลอม มีอยู่ 4 ข้อ จากนั้นก็ให้อาจารย์สุ อ่านแต่ละข้อในหมายศาลปลอม โดยข้อที่ทำให้อาจารย์สุ กลัวและหลงเชื่อ จนยอมทำตาม ก็คือข้อ 1 ที่ห้ามไม่ให้เผยแพร่บอกเรื่องนี้แก่คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติ สามีภรรยา เพื่อนร่วมงาน ตำรวจ ทหาร เพราะเป็นการทำให้ความลับราชการรั่วไหล มีโทษจำคุก 1-3 ปี หลังหลอกจนอาจารย์สุ รู้สึกกลัวและยอมทำตามทุกอย่างแล้ว ก็ให้รายงานตัววันละ 3 ครั้ง และแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็เริ่มกระบวนการหลอกถามให้แจกแจงทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด จนรู้ว่าอาจารย์สุมีเงินฝากอยู่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่เกือบ 23 ล้านบาท จึงให้ไปเบิกเงินออกมา ครั้งแรกวันที่ 6 มิถุนายน อาจารย์สุ ไปเบิกเงินจากสหกรณ์ 10 ล้าน เมื่อได้เงินมา ช่วงสายก็โอนเงินให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ล้านบาท รวมเป็น 4 ล้านบาท ต่อมาแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกให้อาจารย์สุ ตั้งเวลานาฬิกาปลุก เพื่อลุกขึ้นมาโอนเงินตอนเที่ยงคืน วันที่ 7 โอนไปอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ล้าน วันที่ 8 โอนไปอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ล้าน รวม 6 ครั้ง 10 ล้านบาท ที่โอนไปใน 3 วันนี้ ซึ่งเงินที่เบิกจากสหกรณ์มาก้อนแรก 10 ล้านบาท หมดไปแล้ว หลังเงินหมด แก๊งคอลเซนเตอร์ให้อาจารย์สุ ไปเบิกเงินที่สหกรณ์มาอีก วันที่ 11 มิถุนายน อาจารย์สุ ไปเบิกเงินมาอีก 12.8 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่สหกรณ์ก็สงสัยเลยแอบถาม แต่อาจารย์สุก็บอกว่าจะเอาไปซื้อที่ดินบ้าง อะพาร์ตเมนต์บ้าง พอได้เงินมาแล้ว 12 มิถุนายน โอนให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 2 ครั้ง ครั้งละ 5 ล้านบาท วันที่ 13 โอนอีก 2 ครั้ง ครั้งแรก 900,000 บาท ครั้งที่ 2 อีก 1.9 ล้านบาท รวมการโอนเงินทั้งสิ้น 10 ครั้ง จำนวน 22.8 ล้านบาท โดยโอนเข้า 3 บัญชีธนาคาร หลังโอนจนหมดแล้ว แก๊งคอลเซนเตอร์ยังให้อาจารย์สุไปหลอกถามทรัพย์สินอื่น ๆ ของภรรยา แต่ภรรยาไม่บอก และโชคดีที่ชื่อบ้านทั้ง 2 หลัง ก็ไม่ใช่ชื่ออาจารย์สุ เงินจึงหมดไปเท่านั้นคือ 22.8 ล้านบาท แต่อาจารย์สุก็มาคิดได้ว่า มีบัญชีเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ เป็นชื่ออาจารย์กับลูกสาว มีเงินอยู่ 5 ล้านบาท จึงจะไปเบิกเงินอีก วันที่ 14 มิถุนายน ไปแต่เช้า แต่เจ้าหน้าที่สหกรณ์สงสัยเลยไม่ให้เบิก และโทรศัพท์บอกลูกสาวถึงความผิดปกติ จนในที่สุดก็รู้ว่า อาจารย์สุโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก และตัวอาจารย์เองก็รู้ในช่วงสายวันนั้นว่า ตัวเองเสียท่าให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ทั้งที่เป็นคนติดตามข่าวสาร และคอยแจ้งเตือนคนในครอบครัวตลอด ซึ่งพอรู้ตัวและไม่ตอบกลับ แก๊งคอลเซนเตอร์ก็ยังส่งไลน์มาให้รายงานตัว ไม่อย่างนั้นจะออกหมายจับ อาจารย์สุ บอกว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ สอบถามข้อมูลจนรู้ว่าตนชอบดื่มสุรา ตอนเย็น ๆ จึงไลน์มาบอกอาจารย์สุว่า ตามธรรมเนียมของการสอบสวน จะส่งกระเช้าจากโรงพักไปให้ จากนั้นมีไรเดอร์ขี่จักรยานยนต์นำกระเช้าเหล้ามาวางไว้ที่รั้วบ้าน เป็นเหล้าราคาถูก 1 ลิตร ราคาไม่ถึง 400 บาท ซึ่งพออาจารย์ออกไปดู ปรากฏว่าเหล้าที่ถูกวางไว้บนรั้ว ตกแตกแล้ว หลังเกิดเรื่อง ลูกสาวของอาจารย์ พาไปแจ้งความไว้ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือตำรวจไซเบอร์ 1 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งลูกสาวก็หวังว่าตำรวจจะเร่งทำคดีให้ เพราะเป็นเงินที่เก็บไว้ทั้งที่ชีวิตราชการของอาจารย์สุ