จับสาวกัมพูชามีพิรุธกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มใส่ถุงดำ ขน 6.7 แสนบาทจากฝั่งไทยข้ามแดนไปกัมพูชา

วันที่ 24 มิ.ย. 2567 เวลา 14:21 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมา เจ้าพนักงานชุดปฏิบัติการพิเศษป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี นำโดย พ.ต.อ.ณรัฐช์พงศ์ อุดมศรี ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน.บก.สส.ภ.2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ฉัตรธีรพล แทนสง่า รอง ผกก.5 บก.รน., พ.ต.ท.สยาม นรมาตย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ประจันตะคาม, พ.ต.ท.ปิยะชัย มั่นคง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองราชบุรี ภ.7 และ ร.ต.อ.กรกฤษณ์ จันทสิริยากร รอง สว.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุมสาวกัมพูชา อายุ 21 ปี บริเวณหน้าจุดตรวจหนังสือเดินทางฝั่งประเทศไทย ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมด้วยของกลางเงินสดซึ่งเป็นธนบัตรไทย ฉบับละ 1 พันบาท รวมเป็นเงิน 670,000 บาท พบอยู่ในถุงขยะสีดำ ที่ผู้ต้องหาถืออยู่ขณะถูกตรวจค้นจับกุม สำหรับพฤติการณ์จับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ดังกล่าว ได้สืบสวนเกี่ยวกับเครือข่ายฉ้อโกงประชาชนออนไลน์ และเว็บพนันออนไลน์ โดยมีกลุ่มผู้กระทำความผิดในขบวนการที่มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ มีพฤติกรรมในการกดเงินจากฝั่งประเทศไทยนำออกไปนอกราชอาณาจักร โดยในครั้งนี้สืบสวนทราบว่า มีผู้กระทำความผิดในลักษณะที่มีการนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นมาใช้กดเงินสด เพื่อนำเงินไปให้กับเจ้าของเครือข่ายฉ้อโกงประชาชน และเว็บพนันอีกต่อหนึ่ง ซึ่งกระทำการอยู่ในท้องที่ ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 17.30 น. ชุดจับกุมได้ลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิด ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จากนั้นได้จอดรถยนต์อยู่ที่บริเวณหน้าธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง สาขาตลาดโรงเกลือ เพื่อสังเกตสถานการณ์ว่ามีผู้ใดที่มีพฤติการณ์พกบัตรเอทีเอ็มหลายใบ และใช้ตู้เอทีเอ็มประเทศไทยกดเงินหลายครั้ง และเป็นเวลานานผิดปกติหรือไม่ กระทั่งเวลาประมาณ 17.45 น. เจ้าหน้าตำรวจพบ  ผู้ต้องหาได้เดินเข้ามาที่ตู้เอทีเอ็มที่เกิดเหตุ ท่าทีพิรุธ จากนั้นได้ทำการกดเงินหลายครั้งจากตู้เอทีเอ็ม เมื่อได้เงินแล้ว ได้ยัดเงินใส่ถุงขยะสีดำที่ผู้ต้องหาถือมา เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ และเดินตามผู้ต้องหา ปรากฎว่าเมื่อผู้ต้องหากดเงินได้แล้วได้รีบเดินออกจากประเทศไทย ผ่านทางช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ โดยไม่มีการเดินไปขออนุญาตศุลกากรนำเงินที่กดได้ออกนอกราชอาณาจักรแต่อย่างใด ขณะที่ผู้ต้องหาเดินใกล้ถึงจุดตรวจหนังสือเดินทางของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.ประเทศไทย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่ได้เฝ้าติดตามมาจากตู้เอทีเอ็ม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าขอตรวจค้นจับกุม โดยก่อนจับกุมได้แสดงความบริสุทธิ์ใจในการขอตรวจค้น จนผู้ต้องหายินยอม และได้แสดงเงินในถุงขยะที่ถืออยู่ในมือให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ปรากฎว่าเป็นเงินสดของกลาง จำนวน 670,000 บาท เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่า เงินสดของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดจับกุมได้นั้น เป็นเงินของตนเองที่กดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่ฝั่งประเทศไทย เพื่อนำออกนอกราชอาณาจักรไปกัมพูชาจริง โดยผู้ต้องหาไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรประเทศไทย ก่อนนำเงินออกนอกราชอาณาจักร  เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาในข้อหา “นำเงินตราติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรไทยเกินกว่า 450,000 บาท โดยไม่แจ้งรายการเกี่ยวกับเงินตราต่อพนักงานศุลกากรขณะนำผ่านด่านพรมแดน” จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป