“กระบี่” สูญเสีย “พะยูน” เป็นตัวที่ 4 อวนจับปูพันหาง ขึ้นมาหายใจไม่ได้ ตายอืดกลางทะเลอ่าวนาง

วันที่ 24 มิ.ย. 2567 เวลา 11:38 น.

สูญเสีย “พะยูน” ตัวที่ 4 ในพื้นที่กระบี่-พังงา จากเครื่องมือประมงพันหาง ฉุดรั้งให้ขึ้นมาหายใจไม่ได้ วันนี้ (24มิ.ย.67) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ นำเรือออกไปชักลาก ซากพะยูนที่ตายลอยอยู่ในทะเล ห่างจากฝั่งบริเวณ ชายหาดอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ ประมาณ 600 เมตร หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการเรือหางยาวนำเที่ยวว่า พบซากพะยูนลอยอยู่กลางทะเล บริเวณโคนหางมีเศษอวนจับปูพันติดอยู่ เจ้าหน้าที่ทำการตัดอวนและลากพะยูนขึ้นมาบนฝั่ง ตรวจพบเป็นพะยูนเพศเมีย ติดอวนปู ลักษณะเชือกไนล่อน และตาข่ายเอ็น พันบริเวณโคนหางและปลายหางแน่นจนไม่สามารถว่ายน้ำขึ้นมาหายใจได้ คาดว่าตายเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากพะยูนต้องขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำทุก 3 - 5 นาที ไม่พบร่องรอยบาดแผลแต่อย่างใด วัดขนาดความยาว 210 เซนติเมตร ขนาดรอบตัว 130 เซนติเมตร ขนาดโคนหาง 46 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม นับเป็นพะยูนตัวที่ 4 ที่ตายจากการติดเครื่องมือทำประมง ถูกใบพัดเรือฟัน ตายจากการอพยพหาแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่ กระบี่-พังงา นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า พื้นที่ที่พบซากพะยูนเป็นเส้นทางเคลื่อนย้ายหากินของพะยูน ซึ่งอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ได้มีประกาศ เรื่อง มาตรการและข้อปฏิบัติในการอนุรักษ์พะยูนและแหล่งหญ้าทะเล โดยห้ามทำการประมงทุกชนิด บริเวณพื้นที่แหล่งหญ้าทะเล และ ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง พฤติกรรมการกระทำของ บุคคลได้ลักลอบเข้าไปวางอวนปูในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่มิได้กำหนดไว้ผ่อนผันให้อนุญาตให้ทำประมงพื้นบ้านในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้สัตว์ป่าสงวน ซึ่งใกล้สูญพันธุ์ตายลง การกระทำของบุคคลดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกพร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง เพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนซากพะยูนได้ประสานงานนำส่งศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง เพื่อตรวจสอบชันสูตรหาสาเหตุการตายจากผู้เชี่ยวชาญโดยละเอียดต่อไป