บุกจับ หมอเถื่อน ผวาหนีขึ้นหลังคานั่งร้องไห้ หลังคลีนิกถูกเจ้าหน้าที่บุกทะลาย

วันที่ 22 มิ.ย. 2567 เวลา 10:33 น.

วันนี้ (22 มิ.ย. 67) นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตร. ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองขอนแก่น ร่วมกันเข้าตรวจสอบและจับกุมบุคคลที่แอบอ้างตัวเป็นแพทย์ ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบภายในคลินิกก็พบ ห้องบริการลูกค้าที่มีทั้งหมด 3 ห้อง ภายในห้องที่ 2 พบหญิงสาวทราบเพียงชื่อเล่นว่า นางสาวอัน อายุ 30 ปี กำลังทำการฉีดโบท็อกให้กับลูกค้า และพบนางสาวกวาง คอยควบคุมดูแลอยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจยึดเข็มฉีดยาและตัวยาที่ให้บริการลูกค้า พร้อมทั้งตรวจค้นภายในตู้เย็นที่อยู่ภายในห้อง ตรวจยึดยาที่ใช้โบท็อก จำนวน 1 ขวด ฟิลเลอร์ 1 ขวด และยาควบคุมพิเศษ(สเตียรอยด์) จำนวน 5 ขวด ปรากฏว่านางสาวอันได้เลี่ยงหนีขึ้นไปบนชั้น 2 และปีนหน้าต่างออกไปที่หลังคาชั้น 2 เพื่อจะหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่เห็นก่อนจึงได้เกลี้ยกล่อมให้ลงมาได้อย่างปลอดภัย ทางด้านน.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดเผยถึงการประสานงานกับ สสจ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นครั้งนี้ว่า จริงๆแล้วรับการร้องเรียนจากผู้เสียหายในเรื่องของการร่วมลงทุน นางสาวชลิดา เปิดเผยถึงการประสานงานกับ สสจ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตร. และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นและตรวจยึดยาต่างๆและควบคุมตัวหญิงที่ทำตัวเป็นแพทย์ผู้ให้บริการในครั้งนี้ว่า จริงๆแล้วรับการร้องเรียนจากผู้เสียหายในเรื่องของการร่วมลงทุน ว่าเพราะพบเจ้าของกิจการ โพสต์ขายกิจการ ลงในเพจเฟสบุ๊คว้าวคลินิกขอนแก่น เซ้งคลินิกเสริมความงามและเครื่องมือแพทย์ ได้ทักพูดคุยและได้พบกับจ้าของกิจการเดิม  โดยตกลงกันว่าจะซื้อกิจการต่อ พร้อมใบอนุญาตประกอบกิจการคลินิกเสริมความงามดังกล่าวในราคา 800,000 บาท ตนจึงโอนเงินมัดจำงวดเเรกเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท และโอนเพิ่มอีกหลายครั้ง รวมแล้ว  130,500 บาท โดยระหว่างรอชำระเงินครบตามจำนวนที่ตกลง  ผู้ร้องเรียนได้เข้ามาดูการดำเนินกิจการที่คลินิก จนเห็นการดำเนินการทั้งในเรื่องการผสมยา การให้บริการที่ไม่ใช่แพทย์ และทราบอีกว่าคลินิกดังกล่าวไม่มีใบประกอบกิจการสถานพยาบาล และไม่มีหมอประจำคลินิก ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม จึงร้องเรียนมาที่มูลนิธิเป็นหนึ่ง  หลังทราบเรื่องจึงพาผู้ร้องเรียนเข้าพบ นายแพทย์ สสจ.ขอนแก่น จากนั้นจึงวางแผนเข้าตรวจสอบและจับกุมหมอเถื่อน โดยวางแผนการให้นกต่อเข้ามาใช้บริการฉีดโบท็อกที่คลินิคดังกล่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนที่แสดงตัวว่าพาแฟนมาฉีดโบท็อก  เมื่อทุกอย่างดำเนินการตามที่คลินิคจะให้บริการ  จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมหมอเถื่อนขณะกำลังลงมือฉีดโบท็อกให้ลูกค้าคาเตียง ทางด้าน นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ก่อนที่จะเข้าตรวจสอบที่คลินิกแห่งนี้ เพราะรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย ซึ่งการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า เจ้าของว้าวคลินิกแห่งนี้ ได้ยืนเรื่องขอปิดการดำเนินกิจการแล้วเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา แต่เมื่อมีเรื่องร้องเรียนก็ต้องเข้าตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า แม้เจ้าของกิจการจะทำเรื่องปิดกิจการ แต่ในความเป็นจริงยังให้บริการอยู่ด้วยการรับลูกค้าจองผ่านเพจ และให้พนักงานในคลินิกที่อ้างตัวเป็นแพทย์ ทำการให้บริการกับลูกค้าตามที่ลูกค้าจองมา นพ.สสจ.ขอนแก่น กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าว มีความผิดในข้อหา ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่นางสาวอัน เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า คลินิกแห่งนี้ เคยเปิดให้บริการถูกต้อง มีแพทย์มาให้บริการลูกค้า ส่วนตัวเองเคยเป็นพนักงานทั่วไปภายในคลินิก และลาออกเพราะจ่ายเงินเดือนไม่ตรง และทราบว่าเจ้าของเดิม จะเซ้งกิจการจึงลาออกไป หมอที่คลินิกจึงถอดใบอนุญาตออกไปด้วย ทำให้ที่คลินิกไม่มีแพทย์ ต่อมาเจ้าของคลินิก ได้ติดต่อไปให้ช่วยมาดำเนินการฉีดยาให้ลูกค้า โดยมีเจ้าของคลิกนิคผสมยาหรือดึงยาให้ โดยจะให้ค่าจ้าง 10% จากผู้มาใช้บริการ 1 ราย และดำเนินการในหน้าที่หมอเถื่อนในคลินิกแห่งนี้มาประมาณ 5 เดือนแล้ว และบางครั้งก็ไปฉีดหน้าให้ลูกค้าในบ้านพัก จะได้ค่าลงเข็มหรือค่าฉีดครั้งละ 500-1,000 บาท ส่วนการทำหน้าที่หมอเถื่อนนั้น ก็ไม่ได้วิตกกังวลว่า ลูกค้าจะมีความผิดปกติแต่อย่างใด เพราะคิดว่า หากเกิดการผิดพลาดทางคลินิกจะรับผิดชอบ  และการปีนหน้าต่างชั้นสองหนีออกไป เพราะตกใจกลัวว่าจะมีความผิด แต่สุดท้ายก็หนีไม่ได้ และจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี