แยกสอบ 2 คดี แก๊งเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน
วันที่ 18 มิ.ย. 2567 เวลา 07:13 น.
สนามข่าว 7 สี - ตามต่อกรณีตำรวจติดตาม และนำเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ ที่หายไป กลับเข้าฝั่งได้แล้ว แต่ตรวจแทงก์บรรจุน้ำมันของกลางใต้ท้องเรือ พบเหลือติดก้นแทงก์เล็กน้อย ภาพนาทีที่ตำรวจน้ำเข้าควบคุม เรือดาวรุ่ง ลำสีฟ้า และ เรือเจพี ลำสีเขียว และเรือกำไรเงิน ขณะลอยลำอยู่ในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะ หลังทั้ง 3 ลำ หลบหนีออกจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี วันที่ 12 ต่อเนื่องเช้าวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังควบคุมเรือ ตำรวจน้ำขึ้นไปบนเรือแต่ละลำ ควบคุมตัวลูกเรือ พบมีเพียง 8 คน จากที่หลบหนีทั้งหมด 15 คน ผู้บังคับการตำรวจน้ำ เผยว่า หลังเรือทั้ง 3 ลำ หลบหนี ก็ประสานทางการกัมพูชาให้ตรวจสอบท่าเรือ และอู่ต่อเรือต่าง ๆ พร้อมประสานขอใช้ดาวเทียมตรวจสอบพิกัดเรือ และแจ้ง ศรชล. ประสานเครือข่ายเรือประมงให้ช่วยสอดส่องเรือขนน้ำมันเถื่อน 3 ลำ กระทั่งแจ้งว่า พบเรือทั้ง 3 ลำ มุ่งหน้าลงใต้ อยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ตำรวจน้ำจึงเข้าพิสูจน์ทราบ และพบเรือ และลูกเรือก็มีชื่อ-สกุล ตรงกับผู้ต้องหาที่หายไป กระทั่งช่วง 19.20 น. เมื่อวานนี้ ตำรวจน้ำควบคุมเรือกำไรเงิน เรือเจพี และเรือดาวรุ่ง เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือ สถานีตำรวจน้ำสงขลา โดยเรือดาวรุ่งเครื่องยนต์เสีย ต้องชักลากเข้าฝั่ง จนล่าช้ากว่ากำหนด และตรวจสอบบนเรือกำไรเงิน ถูกเปลี่ยนสีพื้นเรือและกราบเรือ ส่วนที่เก๋งเรือ ทาสีเทารองพื้น แต่ยังไม่ทันทาสีเขียว เนื่องจากนำเรือออกจากอู่เรือหลบหนี และพบความพยายามเปลี่ยนแปลงรูปพรรณเรือทั้ง 3 ลำ เพื่อนำไปใช้ต่อ หลังเรือเทียบท่า ตำรวจกองปราบปรามแจ้งข้อหากับลูกเรือ 8 คน ทั้งหมดเป็นคนไทย ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และข้อหาลักทรัพย์ โดยคุมตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจน้ำสงขลา ก่อนไปคุมขังที่ สภ.เมืองสงขลา และวันนี้ (18 มิ.ย.) จะนำตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม ด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน และเจ้าหน้าที่สรรพสามิต สาขาสงขลา ใช้อุปกรณ์ตักน้ำมันในแทงก์ พบแต่ละลำเหลือน้ำมันติดก้นแทงก์ ไม่ถึง 1 เมตร จากความลึกราว 3 เมตร ซึ่งสอดคล้องกับการสอบสวนพบมีการนำน้ำมันไปขายที่ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ ระหว่างตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ และนำตรวจค้นเรือเก็บพยานหลักฐานบนเรือแต่ละลำ พบเลี้ยงสุนัขไว้ ไม่ต่ำกว่าลำละ 2 ตัว ด้านรองผู้บัญชการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า กลุ่มผู้ต้องหาต้องการได้เรือคืน เพื่อไปใช้งาน เพราะน้ำมันของกลาง 330,000 ลิตร ขายได้ลิตรละ 10 บาท มูลค่ารวม 4-5 ล้านบาท ถ้าหลักฐานสาวไปถึงเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนเกี่ยวข้อง พบบกพร่องต่อหน้าที่ จะดำเนินคดีอาญา ตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สำหรับคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ต้องแยกออกเป็น 2 สำนวนคดี โดยคดีที่จับกุมผู้ต้องหา 28 คน พร้อมเรือ 5 ลำ ลักลอบนำเข้า-ส่งออกน้ำมันเถื่อน โดยไม่ผ่านการเสียภาษีศุลกากร เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา จะเป็นคดีที่ บก.ปอศ. และอัยการรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อวานที่ บก.ปอศ. ทนายความได้พาตัวลูกความ 11 คน มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดยบางคนปฏิเสธว่า "ตนเองไม่รู้เรื่อง ไม่ได้อยู่บนเรือ" ส่วนคดีลักเรือของกลาง 3 ลำ พร้อมน้ำมันเถื่อนกว่า 300,000 ลิตร หลบหนีไปเมื่อกลางดึกวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา จะเป็นคดีที่ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดี