เผยเรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ลอบขายน้ำมัน
วันที่ 17 มิ.ย. 2567 เวลา 16:40 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากหายไปตั้งแต่คืนวันที่ 11 มิถุนายน เมื่อวานนี้ ตำรวจน้ำพบเรือน้ำมันเถื่อนของกลางทั้ง 3 ลำแล้ว แต่น้ำมันบางส่วนหายไป และจะนำเข้ามาที่สถานีตำรวจน้ำสงขลา ซึ่งตอนนี้กำลังรอกันอยู่ หลังจากตำรวจน้ำประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไปพบเรือขนน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำ ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ บริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพาะ 3 ประเทศ คือ ไทย กัมพูชา เวียดนาม เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าน้ำมันบางส่วนหายไป และลูกเรือ 16 คน เหลือเพียง 8 คนเท่านั้น อีกทั้งยังพบว่ามีความพยายามที่จะอำพรางเปลี่ยนแปลงสีของเรือน้ำมันของกลางอีกด้วย ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าเรือทั้ง 3 ลำเข้าเทียบท่าที่ประเทศกัมพูชามาก่อน ตั้งแต่ช่วงสายวันนี้ ตำรวจน้ำสงขลา ได้เคลียร์พื้นที่นำเรือตำรวจน้ำ และเรือประมงเวียดนามของกลาง ออกจากท่าเรือ เพื่อรับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำ เพราะว่าเรือทั้ง 3 ลำมีขนาดใหญ่ ต้องใช้ท่าเทียบเรือทั้งหมด ซึ่งตามที่ตำรวจสอบสวนกลาง แจ้งสื่อมวลชนนัดจะนำเรือทั้ง 3 ลำเข้ามาที่ท่าเรือตำรวจน้ำสงขลา ช่วงบ่าย แต่ต่อมาแจ้งว่าอาจเกิดความล่าช้า เพราะมีรายงานว่าเรือ 1 ใน 3 ลำเกิดขัดข้อง ต้องใช้เรือของตำรวจน้ำลากจูงกลับเข้ามา จึงใช้ความเร็วได้ไม่มาก ทำให้ถึงช้ากว่าเดิม ช่วงประมาณเกือบ 13.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเดินทางมาที่สถานีตำรวจน้ำสงขลา แถลงความคืบหน้าว่าเรือหายไปตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ตำรวจใช้เวลา 5 วันในการติดตามเรือ ตอนที่เรือทั้ง 3 ลำมาถึงฝั่ง จะเปิดให้ดูน้ำมันในเรือว่าหายไปหรือไม่ แต่อยู่ไม่ครบแน่นอน จะอยู่ขนาดไหนให้เป็นเรื่องของกองพิสูจน์หลักฐาน ก่อนหน้านี้มีข้อมูลที่ผู้สื่อข่าวไปสื่อสารอาจมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่จะพูดทีเดียวให้เคลียร์ และไม่อยากให้นำเรื่องหนึ่งไปขยายความ ทำให้ผู้ร้ายกลายเป็นพระเอก ต่อมา ช่วง 15.00 น. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ แถลงอีกรอบว่า เรือทั้ง 3 ลำ จะเข้าเทียบท่าในเย็นวันนี้ และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายโจ้ ซึ่งสืบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นคู่ขัดแย้งกับตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการกับกลุ่มพวกนี้ตลอดมา ไม่เคยผูกมิตรมีไมตรีด้วย ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำตามอำนาจหน้าที่ตามพยานหลักฐาน ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ แต่ไม่ตัดประเด็นสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ มีประเด็นนี้หรือเปล่า กำลังสืบสวน ถ้าพบว่ามีก็ฟันไม่เลี้ยง ส่วน พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ แถลงในช่วงแรกว่า มีสื่อหลายสำนักเผยแพร่ภาพว่ามีเรือตำรวจน้ำ 3 ลำ ควบคุมเรือน้ำมันดังกล่าว ขอบอกตรง ๆ ว่า ตนเองอยู่ตรงนี้ยังไม่มีภาพเลย เพราะเป็นการจับกุมกลางทะเล และอยู่ห่างฝั่งมาก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ติดต่อวิทยุไม่ได้ จึงขออนุญาตแถลงรายละเอียดทั้งหมดเมื่อมีความชัดเจน ต่อมาในช่วง 15.00 น. ที่มีการแถลงรอบ 2 พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ ได้แถลงถึงไทม์ไลน์การจับกุมเรือตั้งแต่เดือนมีนาคม ไล่มาจนถึงวันที่เรือหาย และการติดตามเรือกลับคืนมา โดยเรือเหล่านี้เดินทางไปกัมพูชา ในวันที่ 12 มิถุนายน น่าจะช่วงเย็นหรือค่ำ เรือเหล่านี้นำไปเพื่อนำไปใช้ใหม่ มีการเปลี่ยนสีเรือ นำน้ำมันจำนวนมากในเรือไปขายในพื้นที่ และจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาบางส่วนมีการสับเปลี่ยนไปพักผ่อน และอีกส่วนหนึ่งยังเฝ้าเรือ แต่ในช่วง 13 มิถุนายน ตำรวจน้ำได้ประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ทำให้เชื่อว่า ผู้ต้องหาอาจกลับการตรวจจับ ทำให้นำเรือออกจากท่าเรือ ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งจึงยังอยู่บนฝั่ง และส่วนหนึ่งอยู่บนเรือ เป็นการออกเรือแบบรีบด่วน เพราะมีการทาสีที่เก๋งเรือ พื้นเรือ แต่รีบร้อน จึงทาสีเสร็จแค่ลำเดียว ส่วนการที่เรือไปอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ เพราะกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนมีความชำนาญในพื้นที่ตรงนั้น ผู้บังคับการตำรวจน้ำ บอกด้วยว่า ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ ได้รับแจ้งว่ามีเรือตำหนิรูปพรรณอยู่ตรงพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ ห่างจากชายฝั่งสงขลาประมาณ 90 ไมล์ทะเล จึงให้เรือตำรวจน้ำสงขลา ไปตรวจสอบ พบว่าเป็นเรือบรรทุกน้ำมันที่หายไป คาดว่าจะหนีต่อ แต่เกิดปัญหาเพราะมีเรือลำหนึ่ง ชื่อ เรือดาวรุ่ง เครื่องเสีย ไปไหนต่อไม่ได้ จึงต้องลากกันไป วันนี้เรือน่าจะเข้ามาช่วงประมาณ 18.00-19.00 น. โดยในการแถลง มีการนำภาพนิ่งเรือทั้ง 3 ลำที่ติดตามได้มาเปิดให้สื่อมวลชนดูด้วย ส่วนที่กองบังคับการตำรวจ ปอศ. หลังจากที่ผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัว นำเรือหลบหนีไป 3 ลำ วันนี้ ตำรวจ ปอศ. ประสานทนายความของผู้ต้องหา นำหมายเรียกผู้ต้องหา 28 คน ที่ได้รับประกันตัววงเงิน 3.1 ล้านบาท ให้พาผู้ต้องหามารายงานตัว เพื่อดูว่าผู้ต้องหารายใดหายไปบ้าง ซึ่งวันนี้มีเดินทางมาเพียง 11 คน เป็นคนไทยทั้งหมด แต่ยังมี 2 คนที่เป็นคนไทยและเมียนมาไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ด้วย ซึ่งทำให้ 2 คนนี้ถูกถอนประกันตัว พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผู้กำกับการ 2 ตำรวจ ปอศ. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหา 15 คนที่หลบหนีไปพร้อมเรือของกลาง 3 ลำ ตำรวจ ปอศ. จะหารือกับอัยการสูงสุด เพราะเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ว่าจะออกหมายจับหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่ให้ประกันแต่แรก เพราะเรือลำที่บรรทุกน้ำมันชำรุดต้องสูบน้ำออก จึงให้ประกันลูกเรือเพื่อมาดูแลเรือ ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเหตุการณ์นี้มีผู้โยงใยอยู่เบื้องหลัง โดยในการสอบสวนครั้งแรกมีการส่งทนายความมานั่งประกบผู้ต้องหาจำนวนมาก และนายประกัน ทนายความไม่ให้ข้อมูลกับตำรวจว่าเงินสำหรับประกันตัวนั้นได้มาจากที่ใด ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเพิกถอนใบประกันและเตรียมออกหมายจับ และเพิ่มโทษในคดีลักทรัพย์ คือลักเรือด้วย ซึ่งจะให้เป็นหน้าที่ของกองปราบปรามในการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง เรือขนน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำ ประกอบด้วย เรือ เจ.พี. บรรทุกน้ำมันเถื่อนประมาณ 80,000 ลิตร ลูกเรือ 7 คน เรือซีฮอต บรรทุกน้ำมันเถื่อนประมาณ 150,000 ลิตร ลูกเรือ 6 คน และเรือดาวรุ่ง บรรทุกน้ำมันเถื่อนประมาณ 100,000 ลิตร ลูกเรือ 5 คน รวมน้ำมันเถื่อนทั้งหมดประมาณ 330,000 ลิตร โดยเป็นเครือข่ายค้าน้ำมันเถื่อนของ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี”